สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB155A, LB176A และ LB21DA (รุ่นอายุ 1.7 ปี, 3.8 ปี และ 8.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,158 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG153A) มูลค่า 204.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 203.9 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC14DB) มูลค่า 98.7 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 507.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 78.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,300 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,703 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -743 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.76% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง โดยตลาดยังคงติดตามประเด็น QE Tapering รวมถึงปัญหาประเทศซีเรีย สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 743 ล้านบาท