นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นต่อในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนมีความคาดหวังว่าซีเรียจะรอดพ้นจากการถูกสหรัฐโจมตี ภายหลังจากที่ซีเรียยอมรับคำแนะนำของรัสเซียในการปลดอาวุธเคมี และประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยที่จะมีสงคราม ด้านสภาคองเกรสขณะนี้ค่อนไปทางไม่เห็นด้วยมากขึ้น ขณะที่อังกฤษ, จีน และรัสเซียก็ไม่สนับสนุนด้วยเช่นกัน
วันนี้ตลาดฯมีโอกาสขึ้นทดสอบระดับ 1,400 จุด โดยจะเห็นได้ว่าเริ่มมีเงินทุนไหลกลับเข้าเอเชียมากขึ้น ส่วนเรื่องการลดขนาด QE อาจจะลดน้อยกว่าคาดไว้หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯออกมาเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด โดยจากเดิมคาดว่าจะลดขนาด QE ลง 2-2.5 หมื่นล้านเหรียญฯ แต่ล่าสุดเหลือ 1.5 หมื่นล้านเหรียญฯ
พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,385 จุด แนวต้าน 1,400-1,410 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(9 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,063.12 จุด เพิ่มขึ้น 140.62 จุด(+0.94%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,671.71 จุด เพิ่มขึ้น 16.54 จุด(+1.00%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,706.18 จุด เพิ่มขึ้น 46.17 จุด(+1.26%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 113.49 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.29 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 181.95 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 25.10 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 3.41 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 21.63 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 21.79 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.11 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 5.30 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(9 ก.ย.)ที่ 1,384.31 จุด เพิ่มขึ้น 48.06 จุด(+3.60%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,973.36 ล้านบาท เมื่อ 9 ก.ย.56
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(9 ก.ย.)ที่ 109.52 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.01 ดอลลาร์ฯ
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(9 ก.ย.)ที่ 4.39 เหรียญฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.10/12 แข็งค่าตามภูมิภาค CPI จีนออกมาดี-คลายกังวลซีเรีย
- กกร.ค้านลดภาษีนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยกระตุ้นท่องเที่ยว เตรียมเสนอ ครม.สัญจรทบทวนนโยบาย 19 ก.ย.นี้ สหพัฒน์กลุ่มเครื่องสำอางชี้กระทบหนัก ขณะคลังยันลดบางรายการ พร้อมประเมินผลกระทบ
- คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.)เผยการเปิดจำหน่ายเอกสารการประมูลทีวีดิจิตอล 24 ช่อง ระหว่างวันที่ 10-12 ก.ย.นี้ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเอกชนมากกว่าจำนวนช่องที่เปิดประมูล โดยมีผู้เข้าร่วมอย่างน้อย 8-9 รายขึ้นไปต่อหมวดหมู่ เช่น ช่องวาไรตี ช่องข่าวและช่องเอชดี และ 5-6 รายขึ้นไปสำหรับช่องเด็ก
- จับตาสภาคองเกรสของสหรัฐประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอการใช้กำลังทางทหารแทรกแซงวิกฤตในซีเรีย โดยนักวิเคราะห์จากธนาคารโซซิเอเต เจเนราล ของฝรั่งเศส คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันโลกอาจพุ่งขึ้นแตะระดับ 125 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากมีปฏิบัติการทางทหารโจมตีซีเรีย และราคาอาจทะลุไปทุบสถิติใหม่ถึง 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หากส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตน้ำมันอื่นๆ
- ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจพัฒนาที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี เปิดเผยว่าจากการประเมินเศรษฐกิจโลกถือว่าส่งสัญญาณที่เป็นบวก โดยเริ่มเห็นการฟื้นตัวของประเทศยักษ์ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ที่อัตราการว่างงานลดลง หรือการที่เฟดส่งสัญญาณลดมาตรการคิวอีก็สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐดีขึ้น
- ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เผยความคืบหน้าโครงการที่จะเปิดให้นิติบุคคลปล่อยกู้ให้รายย่อย หรือนาโนไมโครไฟแนนซ์ ตามนโยบายกระทรวงการคลัง ขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดยื่นความจำนงขอประกอบธุรกิจปล่อยกู้รายย่อยมาแต่อย่างใด เนื่องจากยังรอหลักเกณฑ์ในเรื่องวงเงินปล่อยกู้และอัตราดอกเบี้ยที่กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
*หุ้นเด่นวันนี้
- KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 30 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการกลับเข้าซื้อของต่างชาติในลักษณะ Short Covering ตาม Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียที่เริ่มดีขึ้น หลังจีนเผยยอดส่งออก ส.ค.เพิ่มขึ้น +7.0% yoy ดีกว่าคาดที่ +5.0% yoy รวมทั้งมีปัจจัยบวกรออยู่สัปดาห์หน้า คาดสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เชื่อ KTB จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์สูงสุด และมี Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ
- MFEC (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 14.1 บาท คาดว่าหุ้น Mid to Small Cap มีโอกาสไต่ระดับขึ้น Outperform ตลาดได้ หลัง Big Cap ขึ้นนำตลาดแล้ววานนี้ มองเชิงบวกทิศทางธุรกิจจากงานรอประมูลสูงถึง 6,000 ล้านบาท และคาดชนะงานไม่ต่ำกว่า 50% ทิศทางงานประมูลใน 2H56 คาดเพิ่มขึ้นจาก 1H56 จากการเร่งเบิกจ่ายงบฯภาครัฐ ยังคาดกำไรสุทธิปี 56 จะโตสูงถึง +60.5% yoy เป็น 293 ล้านบาท และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดี
- DELTA(ดีบีเอส)"ซื้อ"เป้า 56 บาท ได้ประโยชน์การอ่อนค่าของเงินบาททุกๆ 1 บาทจะทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 1% และกำไรจะแตะระดับสูงสุดในปีนี้, จากอัตรากำไรที่ขยายตัวสูงขึ้นและความสำเร็จในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงงบดุลแข็งแกร่ง ด้วยฐานะเงินสดสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 9.4 บาท/หุ้น ณ สิ้นไตรมาส 2/56
- PS(ดีบีเอส)"ซื้อ"เป้า 28 บาท เป็นหนึ่งใน Top Pick กลุ่มที่อยู่อาศัย กำไรสุทธิครึ่งปีแรกต่อครึ่งปีหลัง คาดว่าจะมีสัดส่วนเป็น 42%:58% ของประมาณการปีนี้ เพราะกำไรช่วง 2H56 แข็งแกร่งรับแรงหนุนยอดโอนคอนโดเข้ามามาก ด้านยอดขายรอรับรู้ฯสิ้น 2Q56 เป็น 4.3 หมื่นลบ.คิดเป็น 115% ของประมาณการรายได้ในปีนี้ และ 21% ในปีหน้าถือว่ามั่นคงสูง คาดอัตราเติบโตกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าสดใสเป็น 32% และ 7% เทียบ y-o-y ตามลำดับ