บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อเก็งกำไร"หุ้นธนาคารกรุงไทย(KTB)ให้ราคาเหมาะสม 30 บาท คาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการกลับเข้าซื้อของต่างชาติในลักษณะ Short Covering ตาม Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียที่เริ่มดีขึ้น หลังจีนเผยยอดส่งออก ส.ค.เพิ่มขึ้น +7.0% yoy ดีกว่าคาดที่ +5.0% yoy รวมทั้งมีปัจจัยบวกรออยู่สัปดาห์หน้า คาดสภาพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท เชื่อ KTB จะเป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์สูงสุด และมี Valuation ที่ค่อนข้างต่ำ
ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อลงทุน"หุ้น KTB ประเมินราคาหุ้นลงมารับข่าวความล่าช้าของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐไปแล้ว เชื่อว่าในที่สุดแล้วไทยก็ต้องลงทุนในโครงการขั้นพื้นฐานอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดบริหารประเทศก็ตาม
ขณะเดียวกัน KTB มีความได้เปรียบเรื่องฐานเงินฝากที่แข็งแกร่งจากข้าราชการและพนักงานรัฐสาหกิจทั่วประเทศ และมีการปรับกลยุทธ์หันมาเน้นรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมากขึ้น คาดว่าจะเห็นผลดีในช่วง 1-2 ปีข้างหน้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในด้านการกันสำรองค่าเผื่อฯได้ทำไปมากแล้ว จนปัจจุบันมี NPL Coverage Ratio สูง 132% เทียบเคียงกับค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ทำให้แรงกดดันในเรื่องนี้ไม่มากแล้ว
พร้อมให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าเท่ากับ 28 บาท คาดการณ์เงินปันผลสำหรับปี 56 เท่ากับ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield 5.5% นับว่าสูงมากเมื่อเทียบกับเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่ 3.7%