"บริษัทเตรียมปรับเป้ารายได้ใหม่หวังแตะ 3,000 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท หากได้รับการอนุมัติให้ดำเนินโครงการโซลาร์รูฟ คาดรู้ผลการปรับเป้ารายได้ภายในวันที่ 14 ต.ค.56"นางออมสิน กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้ปรับขนาดกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเป็น 5,600 ล้านบาท จากเดิม 5,500 ล้านบาท เนื่องจากทางการได้ปรับขึ้นค่า FT โดยหลังจากที่บริษัทได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว คาดว่าจะได้รับอนุมัติจากก.ล.ต.ราววันที่ 23 ก.ย.56 และหลังจากนั้นบริษัทก็จะจัดทำโรดโชว์เพื่อให้ข้อมูลกับนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก โดยจะเสนอขายหน่วยลงทุนในช่วงปลายเดือนต.ค.ให้กับนักลงทุนสถาบัน 60% และนักลงทุนรายย่อย 40%
"จากการที่ฝ่ายขายได้มีการเสนอขายไปบางส่วนแล้วก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมาก มองว่าอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อ"นางออมสิน กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ในช่วงกลางเดือน ต.ค.นี้วงเงิน 8,000 ล้านบาท อายุ 2 ปี, 3 ปี, 5 ปี และ 7 ปี เพื่อนำเงินไปรีไฟแนนซ์ 3,300 ล้านบาท รวมถึงนำไปลงทุนขยายโครงการโซลาร์รูฟอีกประมาณ 1,400 ล้านบาท โดยหลังจากชำระหนี้แล้วจะทำให้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนเหลืออยู่ที่ 3 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 7.47 เท่า ทำให้ในปีหน้าบริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้
พร้อมกันนี้ บริษัทมีความสนใจเข้าไปร่วมลงทุนกับบริษัท เคียวเซร่า ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางเคียวเซร่ามีแผนจะก่อสร้างโรงงานผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศไทย มูลค่าการลงทุนประมาณ 8,000 ล้านบาท