“ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ที่ขาดทุนเป็นผลมาจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยสูญของโครงการเดิมซึ่งเป็นงานก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ และทั้ง 6 โครงการหากบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนได้การตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญก็มีโอกาสที่จะกลับคืนมาเป็นรายได้ ขณะเดียวกันโครงการดังกล่าวเป็นการก่อสร้างทั่วไป ซึ่งนับจากนี้ไปบริษัทจะหันไปรุกรับงานในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีเป็นหลัก เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นดีกว่า โดยงานล่าสุดที่บริษัทได้มาคืองานโครงการสร้างถังน้ำมันของ PTTEP มูลค่า 25.70 ล้านบาท " นายรัตนพล กล่าว
ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน(ม.ค.-มิ.ย.56 ) บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 503.36 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 182.52 ล้านบาท และในปีนี้บริษัทได้ลงทุนในการปรับปรุงโครงสร้างภายในองค์กร โดยเน้นระบบควบคุมทางบัญชีและการเงินทั้งหมด อาทิ ระบบบัญชีควบคุมเงินสด ระบบเงินทุนหมุนเวียน ระบบยืมเงินทดรอง ระบบจัดซื้อจัดจ้าง ระบบควบคุมโครงการ และระบบควบคุมทรัพย์สิน ทั้งนี้จากการปรับปรุงระบบดังกล่าว จะทำให้บริษัทสามารถรับรู้ถึงต้นทุนของโครงการที่ดำเนินการอยู่และโครงการใหม่ในอนาคต และคาดว่าจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้น
“บริษัทได้จ้างทีมจากมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เข้ามาดูแลทางด้านระบบบัญชีและการเงิน เพื่อให้เป็นระบบตามหลักมาตรฐานสากลและทำให้รับทราบต้นตอของปํญหาว่ามาจากจุดไหน โดยบริษัทเชื่อว่าจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้การปรับปรุงระบบดังกล่าวจะแล้วภายในสิ้นปีนี้ และในปี 57 จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนอย่างแน่นอน" นายรัตนพล กล่าว
นายรัตนพล กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงาน 3 ปีข้างหน้า(57-59) รายได้เติบโตต่อเนื่องเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 20% โดยสัดส่วนโครงสร้างรายได้รวมของบริษัทจะเปลี่ยนเป็น 80% มาจากการให้บริการครบวงจร(EPC)ทั้งการออกแบบ วางแผน จัดหาวัสดุอุปกรณ์ ก่อสร้าง ตลอดจนการให้บริการต่างๆแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมพลังงานและ ปิโตรเคมี และอีก 20% จะมาจากการเป็นที่ปรึกษาในการดำเนินโครงการ และการให้เช่าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบเคลื่อนที่ขนาดใหญ่ (Mobile Power Plant)