โอเชี่ยน คอมเมิรช ดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้า ผลิตและจัดจำหน่าย รวมทั้งส่งออกชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ก๊อกน้ำและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับประปาและสุขภัณฑ์ทุกประเภทภายใต้ตราสินค้า “DUSS", “Saza", “3P", “Feed", “Bay", “Union" และ “Icon"โดยบริษัทได้รับใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐาน (มอก.) ซึ่งแสดงถึงกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและได้รับการรับรองจากสำนักวิจัยและบริการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
นายอุชัย วิไลเลิศโภคา กรรมการผู้จัดการ บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 100,000,000 หุ้น หรือคิดเป็น 22.73% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด มูลค่าที่ตราไว้ 0.25 บาท มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้ไปขยายโรงงาน อาคารเฟส 2 ที่จ.สิงห์บุรี ใช้เงินลงทุนประมาณ 30-40 ล้านบาท และเพิ่มประสิทธิภาพกำลังการผลิต ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตได้ 30% จากปัจจุบันเดินเครื่องได้ 50% มีสินค้าที่ผลิตเองได้จำนวน 1 ล้านชิ้นต่อปี รวมถึงใช้เป็นเงินหมุนเวียนในกิจการ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะนำหุ้นสามัญทั้งหมดเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในสิ้นปี 56 ใช้ชื่อย่อว่า OCM โดยมี บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นผู้นำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท
"เราไม่มีความกังวลต่อภาวะตลาดในช่วงนี้ เนื่องจากเรามั่นใจในตลาดหุ้นบ้านเราว่ายังคงมีศักยภาพที่ดีอยู่ แม้สภาพเศรษฐกิจในเรื่องของกำลังซื้อจะลดลงไปมาก แต่บริษัทยังคงเติบโตได้ดีตามกลุ่มภาคการก่อสร้างและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก" นายอุชัย กล่าว
ด้านนายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การกำหนดราคา IPO จะดำเนินการภายหลังเสร็จสิ้นการทำโรดโชว์ในเดือนต.ค.56 ซึ่งะต้องเป็นราคาที่สมเหตุสมผล โดยบริษัทจะทำโรดโชว์ใน 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่, ขอนแก่น,นครราชสีมา,ชลบุรี,พิษณุโลก,นครสวรรค์,ราชบุรี,อ.หาดใหญ่ และกรุงเทพฯ
"การกำหนดราคาต้องสมเหตุสมผลโดยขึ้นอยู่กับ Conservative ซึ่งจะคำนวณราคาจากงานในมือของบริษัทย้อนหลัง 4 ไตรมาส และ P/E ของตลาดโดยรวม มองว่าราคาหุ้นจะไม่สูงมาก หรือตกใจมาก โดยต้องคำนึงถึงวงเงินในการลงทุนในขณะนี้ว่าควรจะใช้จำนวนเท่าไหร่เป็นตัวตั้ง บริษัทมีแผนจะทำโรดโชว์เพราะมองว่าเป็นเรื่องสำคัญในการดึงนักลงทุน และจะสามารถสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดี เชื่อว่าโค้งสุดท้ายของปีนี้ทิศทางตลาดหุ้นน่าจะสดใส" นายสมภพ กล่าว
นายอุชัย ยังกล่าวถึงการดำเนินงานของบริษัทในครึ่งปีหลังว่า บริษัทจะมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถการผลิต การบริหารต้นทุน เพื่อเสริมประสิทธิภาพการแข่งขัน โดยขยายตลาดสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะตลาดโมเดิร์นเทรด พร้อมทั้งขยายการส่งออกมากขึ้น จากปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกไปยังจีน ลาว และเวียดนาม ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 3-5% โดยขณะนี้มีการเจรจากับลูกค้าในมาเลเซียคาดว่าจะสรุปในต้นปี 57 เป็นลักษณะนำสินค้าของบริษัทไปวางขาย ขณะเดียวกันตลาดในประเทศยังคงจำหน่ายสินค้าผ่าน GLOBLE HOUSE , บุญถาวร และ ไทยวัสดุ
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อน มาจากสินค้าที่มีอยู่เดิม และการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ เป็นการเติบโตตามกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และภาคก่อสร้างที่ขณะนี้เติบโตได้ดี บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14% อีกทั้งบริษัทตั้งเป้ารายไในด้ปี 57 เติบโตต่อเนื่องในอัตรา 10-20%