ในส่วนยอดขายปี 56 คาดว่าจะพลาดเป้ามาที่ 3.2 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะมียอดขาย 5-6 พันล้านบาท เนื่องจากอาจต้องเลื่อนเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการไปเป็นปี 57 จากเดิมคาดจะเปิดได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้
ทั้งนี้ บริษัทมี Backlog แล้ว ณ สิ้น มิ.ย. จำนวน 1.23 พันล้านบาท โดยจะรับรู้ในปีนี้ราว 300-400 ล้านบาท
นายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอ็น. ซี. เฮ้าส์ซิ่ง (NCH) เปิดเผยว่า ยอดขายในปีนี้คงกลับมาอยู่ที่เป้าหมายเดิมช่วง ต้นปี 3.2 พันล้านบาท พลาดเป้าหมายใหม่ที่บริษัทปรับขึ้นไปเป็น 5-6 พันล้านบาท หลังจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัวกว่าที่คาดไว้ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของลูกค้า โดยครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายอยู่ที่ 2.41 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม รายได้และกำไรในปีนี้ยังเป็นไปตามคาดการณ์ โดยรายได้ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ครึ่งแรกมีรายได้แล้ว 861.76 ล้านบาทและครึ่งปีหลังคาดว่าจะมีรายได้เข้ามาอีกราว 1 พันล้านบาท จากยอดโอนโครงการที่จะเข้ามามากในไตรมาส 4/56 โดยบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้(backlog) ณ สิ้นเดือน มิ.ย.56 มูลค่า 1.23 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 300-400 ล้านบาท ส่วนที่เหลือทยอยรับรู้ฯในปี 57
ขณะที่กำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะทำได้ในช่วง 120-130 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนที่มีกำไร 100.08 ล้านบาท ครึ่งปีแรกมีกำไรแล้ว 48 ล้านบาท โดยบริษัทยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ 32%
“สถานการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปในทิศทางที่ไม่ดี ส่งผลกำลังซื้อมีการชะลอตัว ทำให้ยอดขายเราจากเดิมที่คาดจะทำได้ 5-6 พันล้านบาท ต้องกลับมาเป็นเป้าเดิมตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีที่ 3.2 พันล้านบาท แต่รายได้ก็ยังคงเป็นไปตามเป้า เพราะจะมีการโอนโครงการมากในไตรมาส 4/56 ส่วนกำไรสุทธิทั้งปีก็คงดีกว่าปีก่อนตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น เรามองไว้ที่ 120-130 ล้านบาทน่าจะทำได้"นายสมเชาว์ กล่าว
บริษัทมีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการในครึ่งปีหลัง รวมมูลค่า 1.5 พันล้านบาท จากแผนทั้งปีเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 3 พันล้านบาท และขณะนี้ได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 1 โครงการ คือ โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ ลำลูกกาคลอง 6 มูลค่า 600 ล้านบาท แต่แนวโน้มอาจจะต้องเลื่อนเปิด 1 โครงการไปเป็นปีหน้า เนื่องจากเกิดปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้าง
“ครึ่งหลังอาจจะต้องเลื่อนเปิด 1 โครงการไปเป็นปีหน้า เพราะฝนตกทำให้เกิดปัญหาในการตอกเสาเข็ม มีโอกาสสูงมากที่จะต้องเลื่อน แต่ถ้าเลื่อนจริงๆก็ไม่กระทบยอดขายของปีนี้ เพราะโครงการเก่าที่เปิดไปแล้วก็ยังมียอดขายเข้ามาเรื่อยๆเฉลี่ย 280-300 ล้านบาทต่อเดือน"นายสมเชาว์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทจะทยอยปรับขึ้นราคาขายโครงการเฉลี่ย 5% ตามราคาต้นทุนวัสดุก่อสร้าง เช่น คอนกรีตและเหล็ก ประกอบกับราคาที่ดินและค่าแรงขั้นต่ำต่างก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน จึงจำเป็นต้องมีการปรับราคาขายโครงการเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น
นอกจากนี้ในครึ่งหลังบริษัทมีแผนใช้เงินซื้อที่ดินจำนวน 200-300 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดิน 70-80 ไร่ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล