แต่บริษัทหวังรายได้เข้ามาจากงาน Solar rooftop ที่กำลังยื่นขอร่วมโครงการ 60 เมกกะวัตต์ เบื้องต้นหวังว่าจะได้รับ 30 เมกะวัตต์ มูลค่าลงทุนราว 1.8 พันล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จในปีนี้ราว 30 เมกกะวัตต์ ซี่งจะทำให้บริษัทมีรายได้จากงานก่อสร้างและการจำหน่ายไฟให้กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้ามาในช่วงปลายปี ชดเชยรายได้จากพม่า
ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ เพื่อดำเนินโครงการ Solar Rooftop ดังกล่าว
“โครงการ Solar rooftop ที่ครม.อนุมัติจำนวน 100 MW เราจะเข้าไปยื่นให้ไปได้มากที่สุด คิดว่าประมาณ 60 MW ซึ่งจะยื่นใน 23 ก.ย.นี้ และจะไปทราบผลวันที่ 14 ต.ค.เราหวังจะได้ทำโครงการสักประมาณ 30 MW ซึ่งโครงการนี้กำหนดเสร็จภายในเดือนธ.ค.56 เราก็จะมีการรับรู้รายได้เข้ามาชดเชยรายได้เทรดดิ้งในพม่าเราที่ยอดออเดอร์ไม่ค่อยเข้ามา Solar rooftop เราจับมือกับพันธมิตรอื่นๆ 4-5 ราย ที่เราเปิดเผยแล้วก็ทำร่วมกับ WHA เราถือ 25% รายได้ขายไฟก็ปีละ 9-10 ล้านบาท/MW"นายสมบูรณ์ กล่าวว่า
ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังมีแผนจะเข้าประมูลงานอีกกว่า 4-5 พันล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานเข้ามาราว 2.5 พันล้านบาท ซึ่งงานที่ยื่นประมูล ได้แก่ งานก่อสร้างโซลาร์ฟาร์มเฟสใหม่ของ บมจ.บางจากปิโตรเลียม มูลค่างาน 800-1,200 ล้านบาทในเดือนต.ค.56, งานติดตั้ง Solar rooftop มูลค่า 1.8 พันล้านบาท, งาน Solar rofftop ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 5 เทคโนโลยี มูลค่า 700 ล้านบาท และงานกังหันพลังงานลม มูลค่า 700 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว 1.1 พันล้านบาท หลังจากในเดิอนส.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้รับหนังสือแสดงจำนงว่าจ้างงานติดตั้งระบบไฟฟ้า รวมถึงจัดหาอุปกรณ์ในการติดตั้งระบบไฟฟ้าสำหรับโรงผลิตปูนซีเมนต์ มูลค่าสัญญาราว 367.27 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 15 เดือน
"ต่อจากนี้ GUNKUL จะเป็นบรษัทที่มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทั้งในแง่ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจมีความสอดคล้องกับอุตสาหกรรมพลังงานที่กำลังเฟื่องฟู ซึ่ง GUNKUL ยังมีอีกโครงการที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต อันจะส่งผลผบวกต่อผลการดำเนินงานของริษัท และบริษัทมีแผนเข้าประมูลงานเพิ่มอีกกว่า 2.5 พันล้านบาท"นายสมบูรณ์ กล่าว
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าจากเครื่องยนต์ก๊าซ(Gas Engine)ในพม่าที่บริษัทได้เข้าร่วมลงทุนร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น อยู่ระหว่างขั้นตอนการปรับเปลี่ยนรูปแบบพันธมิตรท้องถิ่นในพม่าจาก Local Company เป็น Foreign Company เพื่อดำเนินการขอใบอนุญาตจากรัฐบาลพม่า คาดว่าได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้
นอกจากนี้บริษัทจะพัฒนาโครงการพลังงานลมเพิ่มอีก 2-3 โครงการ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 1 โครงการ ที่ห้วยบง กำลังการผลิต 60 เมกกะวัตต์ ที่จะกำลังจะมีการลงทุนเพิ่มเติมกว่า 4 พันล้านบาท คาดได้ข้อสรุปเรื่องขอสนับสนุนเงินลงทุนจากสถาบันการเงินภายในเดือน ก.ย.นี้ และจะเริ่มดำเนินการได้ช่วงปลายปี 56 โดยบริษัทคาดว่าภายในปี 59 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมไม่น้อยกว่า 180 เมกกะวัตต์