สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB145B และ LB21DA (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 0.7 ปี และ 8.3 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 6,213 ล้านบาท หรือคิดเป็น 61% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (AP169A) มูลค่า 153.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF17NA) มูลค่า 81.1 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB) มูลค่า 56.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 290.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 45.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 968 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -2,204 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,527 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.74% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%
Yield Curve ยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เปลี่ยนแปลงไม่เกิน 1 bp. โดยวันนี้มีการยกเลิกการประมูลพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ รุ่นอายุ 15 ปี (ILB283A) ด้านนักลงทุนยังคงจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งของจีน สหรัฐ ญี่ปุ่น และยูโรโซน ที่ประกาศออกมาแสดงถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มีแรงซื้อในตราสารระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 7,527 ล้านบาท