ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทย: วันนี้มีมูลค่าการซื้อขายรวม 55,459 ล้านบาท

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 12, 2013 17:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยวันนี้ มีมูลค่าการซื้อขายรวม 55,459 ล้านบาท โดยประเภทของตราสารที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุด คือ พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 44,463 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 80.2% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ลำดับถัดมาคือ พันธบัตรรัฐบาล มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 7,952 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 14.3% ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 454 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด

สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB155A และ LB196A (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 1.7 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,570 ล้านบาท หรือคิดเป็น 57% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC20OA) มูลค่า 104.5 ล้านบาท

2. หุ้นกู้อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL21OB) มูลค่า 103.4 ล้านบาท

3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) (BGH233A) มูลค่า 97.2 ล้านบาท

โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 305.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 67.1% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้

ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ

1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 6,706 ล้านบาท

2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,978 ล้านบาท

ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,077 ล้านบาท

ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.73% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01%

>>ภาพรวมของตลาดในวันนี้

Yield Curve ปรับลดลงเล็กน้อยเกือบทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยนักลงทุนจับตาผลการประชุมของ Fed ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะมีการลดขนาด QE ลง สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มีแรงซื้อในทุกช่วงอายุตราสาร โดยเฉพาะในตราสารระยะสั้น ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 8,077 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ