สำหรับกำไรสุทธิปีนี้ก็เชื่อว่าจะสูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกมีกำไร 65 ล้านบาทสูงกว่าปี 55 ทั้งปี โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะสูงขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลัก หรือเกินกว่า 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 6.6% เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นขณะที่รายจ่ายคงที่ไม่เพิ่ม ส่วนค่าก่อสร้างที่เพิ่มบางโครงการนั้น บริษัทก็ได้มีการปรับราคาขึ้นไปตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะในส่วนบ้านเดี่ยวที่มีต้นทุนสูงขึ้นก็จะปรับราคาขึ้นไปถึง 10% แต่บางโครงการก็ปรับขึ้น 7%
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)ราว 200-300 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด
"ครึ่งแรกรายได้ 500 กว่าล้านบาทแล้ว กำลังลุ้นอยู่ แต่ช่วงครึ่งปีหลังการชะลอตัวค่อนข้างชัด บรรยากาศการลงทุนหรือการซื้ออาจจะน้อยลงเมื่อเทียบต้นปีแรก ซึ่งยอดขายเราตั้งเป้าเท่ารายได้ เพราะเป็นสร้างบ้านก่อนขาย ตอนนี้มียอดขายไปแล้ว 200-300 ล้านบาท และรอโอนช่วงที่เหลือของปีนี้ทั้งหมด เมื่อขายได้แล้วถ้าลูกค้าผ่าน ภายใน 1-2 เดือนก็จะโอนได้เลย"นายกิตติพล กล่าว
นายกิตติพล กล่าวถึงแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังว่า ในเดือน ต.ค.นี้บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกที่ อ.บางใหญ่ ทำเลติดแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ถนนรัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท จำนวนกว่า 600 ยูนิต เนื่องจากมองว่าโซนดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพราะเป็นแนวรถไฟฟ้า และมีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่หลายแห่ง รวมทั้งเป็นเกตเวย์ที่ออกไปทางภาคตะวันตก
"เราไม่กังวลถึงแม้ตลาดอาจจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว เราก็อยากจะเน้นคนที่ซื้อจริงไม่ใช่ซื้อเก็งกำไร ถ้าได้ใบอนุญาตเรียบร้อยจะเริ่มก่อสร้างปลายปี 56 และคาดรับรู้รายได้ในปี 58"นายกิตติพล กล่าว
ขณะนี้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างเปิดขาย เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ จากต้นปีมี 7 โครงการ และสามารถปิดการขายได้แล้ว 2 โครงการตามเป้าหมาย ดังนั้น จึงมั่นใจว่าโครงการที่เหลือจะขายและโอนได้ตามเป้าในปีนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วนในปีหน้า บริษัทจะหันไปพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ก็จะมองหาซื้อที่ดินทำเลดีเข้ามาเพิ่ม ภายใต้งบลงทุนซื้อที่ดินที่ตั้งไว้ปีละ 250-300 ล้านบาท
"ยังไม่เลื่อนหรือชะลอ แต่เป็นการขายต่อเนื่องจากโครงการเดิมๆ ส่วนคอนโดฯที่จะเปิด ตอนนี้รอดูต้นทุนก่อสร้างอยู่จึงพิจารณาปรับราคาได้ ปี 57 เดินหน้าเปิดต่อเนื่องจะมีคอนโดฯ เป็นหลักและกำลังหาซื้อที่ดินเพิ่มอยู่ ปกติตั้งงบซื้อที่ดินปีละ 250-300 ล้านบาท ปีนี้ใช้ไปบางส่วน กำลังรอดูเพิ่มครึ่งปีหลัง ซึ่งต้นปีทีผ่านมาการซื้อที่ดินค่อนข้างยากเพราะเศรษฐกิจดี ราคาที่ดินสูง ตอนนี้เศรษฐกิจดูไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรเป็นโอกาส น่าจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้น ซึ่งครึ่งหลังการซื้อที่ดินน่าจะชัดเจนมากขึ้น"นายกิตติพล กล่าว
ขณะที่การพัฒนาโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ 3 แห่งของบริษัทนั้น คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่ปี 57 เป็นต้นไป หลังจากรึ่งปีแรกขาดทุนลดลงมามาก เพราะขณะนี้อัตราการเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 93% แล้ว ค่อนข้างเต็ม จากช่วงต้นปีที่อยู่ในระดับ 90% เหตุที่ยังมีผลขาดทุนอยู่ เพราะบางโครงการเพิ่งเปิดให้บริการ เช่น ที่ราชพฤกษ์ เพิ่งเปิดมาปีกว่า จากแผนงานที่คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 ปีในการสร้างกำไร เชื่อว่าจากนี้ไปก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นโครงการที่สร้างรายได้ในระยะยาวจากค่าเช่า ซึ่งบริษัทก็จะพยายามหารายได้เพิ่มเข้ามา
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเปิดคอมมูนิตี้มอลล์ที่ จ.ขอนแก่น โดยคาดภายในปี 58 จะเปิดดำเนินการได้ ขณะนี้กำลังหารือรายละเอียดกับทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่เป็นเจ้าของพื้นที่ในขั้นตอนสุดท้าย และอาจมีการทบทวนมูลค่าโครงการใหม่จากเดิมวางไว้ที่ 500 ล้านบาท เพราะอาจต้องปรับพื้นที่ลงจากเดิมที่คาดว่าจะใช้พื้นที่ 15 ไร่ พร้อมกันนั้น บริษัทยังมองหาที่อื่นด้วยแต่ก็ขึ่นกับกำลังของบริษัทด้วย