สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB196A (รุ่นอายุ 3.8 ปี, 8.3 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,405 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY142B) มูลค่า 171.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTC13NA) มูลค่า 121.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC19OA) มูลค่า 70.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 362.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 53.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,734 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,257 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 852 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.74% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง โดยตราสารช่วงอายุ 3- 20 ปีปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 1 bp. ปริมาณการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า ซึ่งตลาดคาดว่าน่าจะมีการลดขนาด QE ลง เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Jobless Claims) มีแนวโน้มในเชิงบวก สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 852 ล้านบาท