ภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยประจำสัปดาห์: มีมูลค่าการซื้อขายรวม 367,398 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 16, 2013 17:56 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ประจำสัปดาห์ (9 - 13 กันยายน 2556) ปริมาณการซื้อขายตราสารหนี้มีมูลค่ารวม 367,398 ล้านบาท หรือเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณวันละ 73,480 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้าประมาณ 15% ทั้งนี้เมื่อแยกตามประเภทของตราสารแล้วจะพบว่ากว่า 78% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด หรือประมาณ 284,870 ล้านบาท เป็นการซื้อขายในตราสารหนี้ที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (State Agency Bond) ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นตราสารที่มีอายุคงเหลือค่อนข้างน้อย (ไม่เกิน 6 เดือน) ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลที่ออกโดยกระทรวงการคลัง (Government Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 45,242 ล้านบาท และหุ้นกู้ที่ออกโดยภาคเอกชน (Corporate Bond) มีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 3,394 ล้านบาท หรือคิดเป็น 12% และ 1% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตามลำดับ

สำหรับพันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรกคือรุ่น LB176A (อายุ 3.8 ปี) LB155A (อายุ 1.7 ปี) และ LB21DA (อายุ 8.3 ปี) โดยมีมูลค่าการซื้อขายในแต่ละรุ่นเท่ากับ 10,236 ล้านบาท 7,513 ล้านบาท และ 6,655 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนพันธบัตรที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย รุ่นที่มีปริมาณซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก คือรุ่น CB13O01A (อายุ 14 วัน) CB13D12B (อายุ 91 วัน) และ CB13926A (อายุ 13 วัน) มูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 37,595 ล้านบาท 32,436 ล้านบาท และ 22,175 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกู้ภาคเอกชน ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ หุ้นกู้ของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) รุ่น SCC19OA (A) มูลค่าการซื้อขาย 274 ล้านบาท หุ้นกู้ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) รุ่น BGH233A (A+) มูลค่าการซื้อขาย 243 ล้านบาท และหุ้นกู้ของบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) รุ่น AP169A (A-) มูลค่าการซื้อขาย 230 ล้านบาท

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Yield Curve) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วง +1 ถึง +3 Basis Point (100 Basis Point มีค่าเท่ากับ 1%) ในตราสารหนี้อายุ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขณะที่ Yield ของตราสารหนี้อายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ปรับตัวลดลงในช่วงประมาณ -3 ถึง -6 Basis Point ตามทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง โดยตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) อาจปรับลดขนาดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ (QE) ลงไม่มาก ภายหลังตัวเลขเศรษฐกิจบางตัวแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวที่ยังไม่มั่นคงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ความกังวลเกี่ยวกับมาตรการ QE ที่ลดลงมีผลทำให้นักลงทุนต่างชาติบางส่วนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดตราสารหนี้ไทยอีกครั้ง และทำให้ Yield ของพันธบัตรปรับตัวลดลง (ราคาเพิ่มสูงขึ้น) ขณะที่สถานการณ์ความไม่สงบในทวีปตะวันออกกลางเริ่มคลี่คลายลง ภายหลังประธานาธิบดีซีเรียตอบรับข้อเสนอของประเทศรัสเซีย ในการส่งมอบอาวุธเคมีให้อยู่ภายใต้การควบคุมของนานาชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้กำลังทางทหารจากสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยทำให้บรรยากาศการลงุทนในตลาดดีขึ้น ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงรอความชัดเจนของมาตรการ QE ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 กันยายนนี้

ในสัปดาห์นี้นักลงทุนต่างชาติมียอด ซื้อสุทธิ ในตราสารหนี้ทุกประเภท (ทั้งระยะสั้น และระยะยาว) รวมกัน 13,613 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 811 ล้านบาท และซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น (อายุคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี) 12,802 ล้านบาท ทางด้านนักลงทุนรายย่อยมียอดซื้อสุทธิ 351 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ