สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 8.3 ปี, 3.8 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,481 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB) มูลค่า 409.9 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT146A) มูลค่า 99.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL163A) มูลค่า 89.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 598.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 72.0% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,470 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,201 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 842 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.74% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Bond Yield ปรับตัวลดลงในพันธบัตรระยะยาวอายุตั้งแต่ 10 ปี ประมาณ 2-3 bp. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยล่าสุดนาย Lawrence Summers ประกาศถอนตัวจากการเสนอชื่อเป็นประธาน Fed คนใหม่ ทำให้ตลาดมีมุมมองเป็นบวกต่อทิศทางนโยบาย QE ทั้งนี้ประเด็นหลักที่นักลงทุนติดตามคือการประชุม FOMC ในวันที่ 17 — 18 ก.ย. นี้ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 842 ล้านบาท