(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัว-อาจเจอแรงขายทำกำไรหลังขึ้นแรง,รอผลประชุม FOMC

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 17, 2013 09:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกษม พันธ์รัตนมาลา กรรมการและหัวหน้าส่วนงานวิจัย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะมีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยช่วงแรกอาจจะแกว่งลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในเช้านี้ หลังจากที่เมื่อวานนี้ปรับตัวขึ้นกันไปแรง จึงน่าจะมี profit taking ออกมาบ้าง

อย่างไรก็ดี ทิศทางของตลาดฯยังเป็นลักษณะของการค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น แต่ก็ยังต้องรอดูการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ(FOMC)ที่จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ ในประเด็นการลดขนาด QE ซึ่งตอนนี้ตลาดฯเริ่มผ่อนคลายความกังวลลงหลังจากที่นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ ประกาศถอนตัวเข้าชิงเก้าอี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)คนใหม่

พร้อมให้แนวรับ 1,430 จุด แนวต้าน 1,450 จุด โดยแนะทยอยซื้อหุ้นบิ๊กแคปได้ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติขณะนี้เริ่มทยอยกลับมาซื้อเข้าพอร์ตแล้ว

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(16 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,494.78 จุด เพิ่มขึ้น 118.72 จุด(+0.77%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,697.60 จุด เพิ่มขึ้น 9.61 จุด(+0.57%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,717.85 จุด ลดลง 4.34 จุด(-0.12%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 52.32 จุด, +0.36% ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย ลดลง 2.10 จุด, -0.04% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.06 จุด, -0.20% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 14.31 จุด, -0.17%, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.61 จุด, +0.37% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.33 จุด, +0.14% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 5.50 จุด, -0.02% ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.01 จุด, -0.05% ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.02 จุด, +0.05%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(16 ก.ย.)ที่ 1,445.11 จุด เพิ่มขึ้น 44.03 จุด (+3.14%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,002.67 ล้านบาท เมื่อ 16 ก.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(16 ก.ย.)ที่ 106.59 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.62 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(16 ก.ย.)ที่ 4.72 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.76/78 อ่อนค่าตามสกุลเงินภูมิภาค
  • สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.)เปิดเผยรายงาน "การเตรียมความพร้อมด้านการเงินการคลัง และการค้า การลงทุนเพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน"ว่า ภาคการคลังของไทยจะได้รับผลกระทบเนื่องจากรายรับที่มาจากภาษีที่ลดลง จนทำให้รัฐบาลต้องหาทางไปเพิ่มภาษีทางอ้อม เช่น การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต
  • นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร เปิดเผยว่า ในช่วงปลายปีหน้าผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี และดอกเบี้ยระยะยาวของไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 5% จากปัจจุบัน 4.2% ตามแนวโน้มผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีของสหรัฐที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 4%
  • เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยในช่วง 4-5 เดือน หลังจากนี้ไปจะปรับตัวดีขึ้น เพราะได้รับอานิสงส์จากภาคการส่งออกที่ฟื้นตัวจากคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่มีเพิ่มขึ้น และเมื่อการส่งออกดีขึ้นจะทำให้รายได้ของแรงงานในภาคการผลิตเพิ่มขึ้นด้วย
  • "คลัง-สภาพัฒน์"ประสานเสียงเฟดลดคิวอีส่งผลดีในระยะยาว"กิตติรัตน์" ชี้สะท้อนเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ช่วยส่งออกไทยฟื้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนลง "อาคม"ระบุคิวอีไม่กระทบไทยเพราะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชั่วคราว เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบอีกต่อไป
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดประมาณการจีดีพีลงเป็นรอบที่ 3 เหลือ3.7% แต่เชื่อปลายปีนี้พ้นจุดต่ำสุด และโงหัวขึ้นได้ในปีหน้า จากภาวะเศรษฐกิจโลก-การลงทุนภาครัฐ ขณะที่ภาคการบริโภคยังทรง จากหนี้ครัวเรือนที่เพิ่ม จับตาขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นปีแรกนับแต่ซับไพรม์ อาจกระทบสภาพคล่องระยะยาว

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TCMC-W1 ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย (TCMC)เริ่มทำการซื้อขายวันนี้จำนวน 171,110,775 หน่วย โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 2 บาทต่อหุ้น อายุ 3 ปี นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ(วันที่ 27 สิงหาคม 2556) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดใช้สิทธิครั้งแรก 31 มี.ค. 2557 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 26 ส.ค. 2559
  • PTTGC(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 89 บาท ร่วมทุนกับเปอร์ตามินาในโครงการปิโตรเคมีครบวงจร มูลค่าการลงทุน 4 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งมีสัดส่วนถือหุ้น 49% คาดโครงการแล้วเสร็จในปี 61 อาจดึงพันธมิตรเข้ามาอีกหนึ่งรายเป็นกลุ่มที่มีเทคโนโลยีและเงินทุนจะส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทลดลง แต่อีกด้านหนึ่งถือเป็นการลดความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม อินโดฯเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้พลังงานและปิโตรเคมีสูง เพราะประชากรมากกว่าไทยถึง 4 เท่าถือเป็นการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจกลุ่ม ปตท.
  • SCC(ทรีนีตี้)"ซื้อ"เป้า 540 บาท ผู้บริหารยังคงเป้ายอดขายปีนี้ 4.37 แสนล้านบาท จากยอดขายในแนวชายแดนยังอยู่ในเกณฑ์ดี และมองครึ่งปีหลังยอดขายจะดีกว่าครึ่งปีแรกเนื่องจากยอดส่งออกใน 3Q เริ่มปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ค่าเงินบาทที่อ่อนตัวมาเมื่อเทียบกับต้นปีจะเป็นผลดีต่อการส่งออกของบริษัท ทั้งนี้ มองว่าครึ่งปีหลังนี้บริษัทน่าจะมีการเติบโตได้ดีตามเป้าจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และส่วนต่างราคาของ HDPE-Naphtha ที่ปรับตัวสูงขึ้น
  • SCB(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 212 บาท ผลประกอบการปี 56 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ทำให้ความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้น และความสามารถการทำกำไรมีแนวโน้มดีขึ้นจากการปรับพอร์ตไปสู่สินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อยที่มีอัตราผลตอบแทนสูงขึ้น กำไรครึ่งแรกของปี 56 โต 30%YoY โดยคิดเป็น 55% ของคาดการณ์กำไรทั้งปี 56 ที่ 4.7 หมื่นล้านบาทเติบโต 17% และฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรทั้งปีตามเดิม เดือน ก.ค. สินเชื่อชะลอลงจากเดือนก่อน โดยโตเพียง 0.5%MoM จากที่เติบโต 1.9%MoM ในเดือนมิ.ย.โดยยังเติบโต 7.3%จากปลายปี 55
  • PS(ดีบีเอส)"ซื้อ"เป้า 28 บาท เป็นหนึ่งใน Top Pick หุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัย คาดกำไรสุทธิครึ่งปีแรกต่อครึ่งปีหลังปี 56 จะมีสัดส่วนเป็น 42%:58% เพราะกำไรที่แข็งแกร่งมากในช่วงครึ่งปีหลังได้แรงหนุนจากยอดโอนคอนโดจำนวนมากเข้ามา ด้านยอดขายรอรับรู้ฯสิ้น 2Q56 เป็น 4.3 หมื่นลบ.คิดเป็น 115% ของประมาณการรายได้ในปีนี้ และ 21% ในปี 57 ถือว่ามั่นคงสูง คาดอัตราเติบโตกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าสดใสเป็น 32% และ 7% ตามลำดับ ,มีระบบพรีคาสท์เข้ามาช่วย ทำให้ความต้องการใช้แรงงานน้อยลงและก่อสร้างได้รวดเร็วขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ