(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งผันผวน ตลาดฯให้น้ำหนักผลประชุมเฟดคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 18, 2013 09:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวผันผวน ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้แกว่งตัวผันผวนทั้งในแดนบวก-ลบ ยกเว้นตลาดญี่ปุ่นที่บวกได้ 2% หลังเงินเยนอ่อนค่า

ทั้งนี้ ตลาดฯให้น้ำหนักในเรื่องผลประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)ในคืนวันนี้ ในประเด็นการลดขนาด QE ซึ่งตลาดฯมองว่าน่าจะลดการซื้อพันธบัตรลงต่ำกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นหากผลประชุมเฟดออกมาเป็นบวก แล้วดัชนีฯปรับตัวขึ้นไป 1,470 จุดบวก-ลบ ขึ้นไป ตลาดฯก็มีโอกาสที่จะถูกขายทำกำไรออกมาได้ และต่อไปก็จะต้องรอดูการเลือกตั้งในเยอรมันด้วย

อย่างไรก็ดี มุมมองของตลาดฯในระยะกลาง-ยาวยังดูดี ดังนั้นเมื่อตลาดฯปรับตัวลงมามากกว่า 10 จุด ก็อาจจะมีนักลงทุนเสี่ยงเข้าไปซื้อก็ได้ พร้อมให้แนวรับ 1,435 จุด แนวต้าน 1,460 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(17 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,529.73 จุด เพิ่มขึ้น 34.95 จุด(+0.23%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,704.76 จุด เพิ่มขึ้น 7.16 จุด(+0.42%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,745.70 จุด เพิ่มขึ้น 27.85 จุด(+0.75%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 99.88 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.38 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 33.27 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 1.60 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 14.11 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 0.32 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 2.43 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ ลดลง 3.00 จุด

ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า

  • ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(17 ก.ย.)ที่ 1,443.78 จุด เพิ่มขึ้น 1.33 จุด (+0.09%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 847.47 ล้านบาท เมื่อ 17 ก.ย.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(17 ก.ย.)ที่ 105.42 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.17 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(17 ก.ย.)ที่ 3.87 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.71/73 รอผลประชุม FOMC
  • นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) จะไม่ปรับลดสัดส่วนกำไรที่กำหนดให้สูงกว่าต้นทุนการผลิตไข่ไก่ จาก 15-20% เหลือ 10-15% ตามที่กรมการค้าภายใน (คน.) เสนอมา เพราะจะส่งผลกระทบและเพิ่มความเสี่ยงให้เกษตรกรที่เลี้ยงไก่ไข่ เนื่องจากต้นทุนไข่ไก่เดือนก.ย.ตกฟองละ 2.94 บาท เมื่อคำนวณกำไรตามสัดส่วนแล้วจะได้ราคาไข่คละหน้าฟาร์มที่ 3.58 บาท และปรับลดไม่ได้ เพราะแม่ไก่ให้ผลผลิตลดลง 20%
  • "นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือกับ รมว.อุตสาหกรรม และการค้ารัสเซีย ว่า ได้เสนอขายสินค้าเกษตรทั้งยางพารา ผลไม้ ข้าว และเนื้อหมู ให้กับรัสเซีย โดยตั้งเป้าว่าใน 5 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2561 มูลค่าการค้าจะเพิ่มเท่าตัว จากปีนี้ที่มีมูลค่า 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1 หมื่นล้านหรียญสหรัฐ
  • น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้ ทอท.เร่งรัดการปรับปรุงรันเวย์สำรองให้เสร็จเร็วขึ้นในเวลาไม่เกิน 2 ปี จากเดิมที่ต้องให้เวลาที่ปรึกษาออกแบบ 8 เดือน และก่อสร้างอีก 3 ปี เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเพราะเห็นถึงความจำเป็นจากการเกิดเหตุเครื่องบินลื่นไถล ไม่ใช่ปรับปรุงไว้เพื่อเพิ่มขัดความสามารถของสนามบิน
  • แบงก์รัฐเปิดสงครามเงินฝาก ธอส.ชู 4 เดือน ดอกเบี้ย 4.6% ดอกเบี้ยรับ 2 หมื่นบาทแรก ไม่เสียภาษี ตั้งเป้าระดมเงิน 6 พันล้านบาท ด้านธ.ก.ส.เปิดโครงการเงินฝากเกษียณเปี่ยมสุข 4 หวังกวาด 2.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่นายแบงก์รับการแข่งขันเงินฝากร้อนแรงขึ้น ส่วนกองทุนตราสารหนี้รับผลตอบแทนแข่งแบงก์ยาก ล่าสุดบลจ.ไทยพาณิชย์-กรุงศรี ขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือนผลตอบแทน 2.7-2.9%
  • ตลาดหลักทรัพย์ปล่อยโบรกเกอร์ควบคุมการซื้อขายหุ้นผ่านพร็อพ เทรดกันเอง ระบุเป็นเรื่องไม่ควรแทรกแซง เชื่อมาตรการดูแลไม่กระทบมูลค่าซื้อขาย พร้อมคาดผลคิวอีรอบนี้กดดันหุ้นไทยไม่มากเท่าช่วงเดือนพ.ค.56 เหตุนักลงทุนรับรู้ข่าวแล้วแต่ยอมรับต้องเกาะติด ส่วนภาพรวมตลาดดัชนีลดลง 1.33 จุด รอสรุปคิวอี
  • ธปท.เกาะติดเฟดประชุมลดคิวอี "ประสาร" ชี้เศรษฐกิจไทยภูมิคุ้มกันไม่น่าจะถูกกระทบ ขณะที่รองผู้ว่าฯ เชื่อผลออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ ค่าเงินบาทระยะสั้นอาจมีผันผวนบ้าง เผยเงินทุนสุทธิยังคงไหลเข้าแต่ไม่มาก ส่วนระยะต่อไปคงมีทั้งเข้าและออกที่ไม่รุนแรง ยันยังไม่มีวาระการประชุม กนง.นัดพิเศษ
  • นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.ยังคงติดตามภาวะตลาดการเงินและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิดโดยระหว่างการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ เงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศยังไหลเข้าประเทศไทยสุทธิเป็นบวก แต่ไม่มากนัก

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BAFS(เคเคเทรด)ไซ้อ"เป้า 26 บาท ปริมาณการเติมน้ำมันเติบโตต่อเนื่องในเดือน ส.ค. 13% YoY และเป็นการเติบโตจากปีก่อนต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกันสะท้อนความแข็งแกร่งของธุรกิจการบิน ในระยะสั้น BAFS ยังมีปัจจัยบวกจากโอกาสในการปรับเพิ่มอัตราค่าบริการการเติมน้ำมันให้สายการบินราคาประหยัดที่สนามบินสุวรรณภูมิในเดือน พ.ย.นี้ ส่วนในระยะยาวยังมีแผนการลงทุนเพิ่มอีก 2 โครงการที่จะสร้างเสถียรภาพให้กับกำไรในอนาคต
  • AMATA(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 27 บาท ประเด็นบวกใน 2H56 มาจากการเซ็นสัญญาจากลูกค้ารายใหญ่ราว 1 พันไร่ที่จะมีความชัดเจนใน 4Q56 ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าที่มีสินค้าต่อเนื่องจากกลุ่มยานยนต์ยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ให้ความสนใจลงทุนซื้อที่ดิน โดยที่เราคาดว่าจะมียอดขายที่ดินในปี 2556 ราว 1.8-2.0 พันไร่ จากครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 611 ไร่ ซึ่งจะสะสมงานในมือให้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ 5 พันล้านบาท ช่วยสนับสนุนการรับรู้รายได้ที่ดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
  • ITD(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 7.30 บาท ชนะงานประมูลก่อสร้างรถไฟระยะทาง 525 กม.และก่อสร้างท่าเรือขนาดใหญ่จากรัฐบาลโมซัมบิก มูลค่างาน US$3 พันล้าน หรือเกือบ 1 แสนล้านบาท ทำให้ Backlog เพิ่มขึ้นแตะ 3.6 แสนล้านบาท แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้น 32%MTD โดดเด่นเกือบที่สุดในกลุ่มรับเหมาและตลาดจากแรงเก็งกำไรโครงการ 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น ระวัง sell on fact ระยะสั้นหลังจากผ่านเรื่อง 2 ล้านล้านบาทไปแล้ว
  • DCON(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าขึ้นเป็น 16.50 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิใน 3Q13 น่าจะทำ new high ต่อเนื่อง เราคาดเบื้องต้นที่ 52-55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2Q13 ที่มีกำไร 50 ล้านบาทและ 3Q12 ที่มีกำไร 38 ล้านบาท จากราคาขายที่ปรับเพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 39% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปรับประมาณการกำไรสทุธิปีนี้เป็น 200 ล้านบาทจาก 180 ล้านบาท DCON ยังคงเป็นหุ้น Growth stock ที่มีกำไรเติบโตเฉลี่ยสูงถึง 30% ในช่วง 2 ปีนี้ (ปี 2013-14) และมี PE ต่ำเพียง 10 เท่า ขณะเดียวกันก็ให้เงินปันผลตอบแทนปีละ 6-7%
  • MINT(ดีบีเอส)"ซื้อ"เป้า 32 บาท การดำเนินงานของ MINT แข็งแกร่งในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมในประเทศที่ลงทุนเอง ซึ่งได้รับประโยชน์จากความต้องการเดินทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว (จำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศในไตรมาส 2/56 +21%) และแม้ว่าการบริโภคจะเริ่มชะลอตัวลงหลังจากแตะระดับสูงในปีก่อน แต่กำไรของธุรกิจอาหารด่วน ยังไปได้ดีและมีเสถียรภาพ ขณะที่ยอดขายสมาชิก Anantara Vacation Club (AVC) และยอดจองห้องพักของ St. Regis Residence แข็งแกร่งต่อเนื่อง แนวโน้มสดใส โดยผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมจะยังคงได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่เติบโตแข็งแกร่งและธุรกิจ QSR ยังมีแนวโน้มที่ดีจากแผนการตลาดและกลยุทธ์ในการกระตุ้นการบริโภคที่มีประสิทธิภาพของ MINT

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ