กองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 2 ตั้งเป้าหมายที่จะให้ผู้ลงทุนได้โอกาสรับผลตอบแทนที่ 8% ในปีแรก(รอบ 12 เดือน)โดย บลจ.กสิกรไทยจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ และเลิกกองทุนเมื่อหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.90 บาทในวันทำการใดวันทำการหนึ่ง แต่ถ้าหากภายในปีแรกมูลค่าหน่วยลงทุนไม่สามารถปรับขึ้นไปที่ระดับดังกล่าวได้ในปีถัดไปนักลงทุนสามารถขายหน่วยลงทุนออกมาได้โดยจะได้รับผลตอบแทนเท่ากับมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันที่ขายคืน
ทั้งนี้ กองทุนจะตั้งเป้าโอกาสรับผลตอบแทนใหม่ที่ 5% และจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและเลิกกองทุนหากหน่วยลงทุนมีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.55 บาท อย่างไรก็ตาม หากกองทุนครบอายุ 1 ปี 6 เดือน และยังไม่ได้มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติตามเป้าหมายข้างต้น บลจ.กสิกรไทย จะเลิกกองทุนและรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเท่ากับมูลค่าหน่วยลงทุน ณ วันสิ้นอายุกองทุน
ก่อนหน้านี้ บลจ.กสิกรไทย ได้ส่งกองทุนเปิดเค ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 1(KCET1) เสนอขายไปเมื่อวันที่ 3-5 มิ.ย.ซึ่ง บลจ.กสิกรไทย ได้บริหารกองทุนจนสามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 8% ภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
นายจงรัก กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนมีทิศทางในการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดย International Monetary Fund (IMF)คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ถึงระดับ 7.80% ในปีนี้ (IMF:ก.ค.56) นับว่าเป็นตัวเลขที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของทางการที่ตั้งเป้าไว้ที่ 7.50% โดย บลจ.กสิกรไทย เชื่อว่าการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของจีนภายใต้การนำของรัฐบาลจีนชุดใหม่ที่เน้นการเติบโตจากการบริโภคในประเทศมากกว่าการพึ่งพาการเติบโตจากเศรษฐกิจนอกประเทศ ผนวกกับนโยบายของรัฐบาลจีน ที่จะขยายโควตาให้นักลงทุนต่างชาติ (QFII) สามารถเข้าลงทุนในตลาดหุ้นในประเทศ(A-Share)เพิ่มขึ้น ปัจจัยเหล่านี้น่าจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนในเรื่องของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีน และพร้อมผลักดันให้เม็ดเงินต่างชาติสามารถไหลเข้ามายังตลาดหุ้นจีนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นจีนในระยะยาวต่อไป