ROJNA เผยยอดขายที่ดินปี 55-56 ถึงเป้า 3 พันไร่ก่อนกำหนด ดันรายได้ปีหน้าโตกระโดด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 18, 2013 14:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวอมรา เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการ บมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ขณะนี้ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทผ่านเป้าหมายที่วางไว้ในช่วง 2 ปีนี้(55-56) ที่ 3,000 ไร่แล้ว โดยปี 55 มียอดขายกว่า 2,000 ไร่ และตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ยอดขายที่ดินทยอยเข้ามาครบตามเป้า เหลือแต่เพียงการโอนให้กับลูกค้า ซึ่งที่ผ่านมายังติดขั้นตอนการทำงานที่ยากขึ้น เนื่องจากต้องผ่านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากขึ้น และต้องผ่านกระบวนการจัดสรร กระบวนการ EIA รวมทั้ง กฎระเบรียบของการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นต้น
"เป้า 2 ปีที่จะขายที่ดิน 3,000 ไร่ ปี 55 ได้ไปกว่า 2,000 ไร่ เพราะมีรายใหญ่ เมื่อรวมกับปีนี้ก็ได้ครบหมดแล้วในแง่ของพรีเซล ส่วนจะบุ๊กเป็นรายได้ได้เมื่อไร ตอนนี้บริษัทเร่งพัฒนาเตรียมพื้นที่เพื่อส่งมอบให้ลูกค้า ส่วนรายได้รวมทางบัญชีก็ตอบลำบากถ้ายังไม่มีการโอนที่ดินให้ลูกค้า เพราะมีปัจจัยเยอะขึ้น"นางสาวอมรา กล่าว

อนึ่ง ปี 55 มีกำไร 1,193 ล้านบาท รายได้รวม 7,740 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกมีกำไร 78.86 ล้านบาท รายได้ 4,914 ล้านบาท

นางสาวอมรา ยอมรับว่า ยังไม่แน่ใจว่าไตรมาส 3/56 จะพลิกเป็นกำไร จากไตรมาส 2/56 ที่ขาดทุนสุทธิ 272 ล้านบาทหรือไม่ เพราะจะต้องขึ้นกับการโอนที่ดินให้กับลูกค้าที่ตกลงซื้อไว้ เพราะการโอนที่ดินจะเป็นตัวบ่งบอกกำไร แต่บริษัทมองทั้งปีมากกว่า เพราะการทำงานในปัจจุบันมีทั้งปัจจัยที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ บางเรื่องต้องเกี่ยวกับหน่วยงานราชการ ดังนั้นการกำหนดเป้าหมายค่อนข้างลำบาก

"เราก็พยายามเรื่องการพัฒนาที่ดินเพื่อส่งมอบลูกค้า แม้ขายได้มากแต่การออกใบอนุญาตต่างๆล่าช้า จึงยังโอนไม่ได้ ผลการดำเนินงานปีนี้ทั้งปี เรื่องตัวเลขไม่ค่อยซีเรียส มองกระแสเงินสดมากกว่า เพราะตัวเลขเป็นเรื่องทางบัญชี เรารู้ว่าเราขายได้แต่รับรู้รายได้ไม่ได้เท่านั้น ซึ่งมี backlog ที่ขายไปเกือบ 3,000 ไร่ ยังโอนไม่ได้เลย มียอดขายหมดแล้วรอโอนอย่างเดียว"น.ส.อมรา กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปี 57 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด จากการรับรู้รายได้เมื่อมีการโอนที่ดินในนิคมฯเข้ามา และเมื่อค่ายยานยนต์ HONDA ตั้งโรงงานผลิตก็จะมีบริษัท Suppliers ที่ทำชิ้นส่วนยานยนต์ตามเข้ามาตั้งโรงงานเพิ่มขึ้น ซึ่งเท่าที่ดูความต้องการของลูกค้าในขณะนี้ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อมีโรงงานประกอบรถยนต์จัดตั้งขึ้นก็จะมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมากมาย

สำหรับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของบริษัทนั้น ขณะนี้เน้นการพัฒนานิคมฯใหม่ทั้ง 2 แห่งให้เสร็จสมบูรณ์และสามารถโอนให้ลูกค้าได้ตามกำหนด พร้อมกันนั้นการขยายพื้นที่นิคมฯในปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เดิม นอกจากนี้ ยังมองหาซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาเป็นนิคมฯเพิ่มขึ้น แต่คงดูจังหวะและราคาที่เหมาะสมเป็นหลัก

"ถ้าราคาได้ ก็โอเคไม่มีข้อจำกัดเรื่องโซนนิ่ง ค่อยๆ ดูไป ไม่ได้รีบร้อน เพราะดีมานด์ลูกค้ายังมีเข้ามา"นางสาวอมรา กล่าว

ส่วนการเข้าร่วมทุนกับ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) เพื่อพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในทวายของพม่า นางสาวอมรา กล่าวว่า คงยังต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องขนาดนิคมฯ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างในปี 57 หลังจากปีนี้เตรียมงานขอใบอนุญาตต่างๆ เพราะพม่าต้องทยอยออกกฎหมายมารองรับ ซึ่ง ITD จับจองพื้นที่ไว้เป็นแสนไร่ ลักษณะการทำงานคงแบ่งเป็นโซนนิ่ง และตัดออกมาพัฒนาทีละส่วนตามการลงทุนในอุตสาหกรรมที่รัฐบาลพม่าอยากเห็น

"พื้นที่ราวแสนไร่ เวลาทำจริงต้องมาซอยมาดูความเป็นไปได้ของพื้นที่ ซึ่งเป็นที่ดินโล่ง ต้องรอรัฐบาลพม่าช่วยในแง่ออกกฎหมาย ส่วนของพื้นที่นิคมฯ โดยรวมทั้งหมดที่จะทำนิคมฯเกือบ 100% ต้องสร้างเมืองใหม่ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับคอมเมอร์เชียล ที่อยู่อาศัย พื้นที่อุตฯ รูปแบบน่าจะคล้ายๆ กับมาบตาพุด แต่พื้นที่ใหญ่กว่า เฉพาะที่ ROJNA เข้าไปเกี่ยวข้องก็คือส่วนพื้นที่นิคมฯ ที่จะขายให้กับโรงงานอุตฯต่างๆ เร็วเกินไป ณ วันนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอให้ผู้ดูแลโครงการนี้ทั้งหมด อาจจะเป็นด้วยความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับรัฐบาลพม่าหรือจะมีญี่ปุ่นเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง"

ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทคาดว่าจะปิดการขายและรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมทั้ง 2 เฟสในจีนในหลักร้อยล้านบาทที่เหลือ จากมูลค่าโครงการทั้งหมด 3000 ล้านบาท โดยภายในปีนี้น่าจะรับรู้ได้ทั้งหมดหรืออย่างช้าต้นปี 57

"คอนโดฯที่จีนทิศทางเศรษฐกิจจีนเริ่มค่อยๆดีขึ้นพยายามปิดขายให้ได้ภายในปีนี้หรืออย่างช้าปี 57 เหลือประมาณ 10% ไม่กี่ร้อยล้านบาทที่จะโอนในปีนี้ทั้งหมด รวมมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท"

แต่การพัฒนาที่ดินที่มีอยู่ทั้งย่านสุขุมวิทและย่านรัตนาธิเบศร์ติดแนวรถไฟฟ้าทั้ง 2 แห่ง ขณะนี้ยังไม่มีจะเปิดตัวโครงการในเร็ว ๆ นี้ เพราะยังไม่มั่นใจในสภาพตลาด แต่เบื้องต้นทั้ง 2 แห่งคงจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียม และบริษัทคงจะรอให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วเสร็จก่อน

"ในไทยยังไม่ทำ รอดูทิศทางตลาด โซนรัตนาธิเบศร์จะรอให้โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงก่อสร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์และเปิดให้บริการได้ก่อนแล้วค่อยพิจารณา ซึ่งจะเสร็จปี 58 พื้นที่มีเยอะพอควร ส่วนที่สุขุมวิทเป็นโครงการเก่าที่เราไปซื้อมามูลค่าราว 2,000 ล้านบาทโครงการยังไม่พัฒนาไปเยอะมีแค่ฐานรากอยู่ ยังไม่ได้ก่อสร้าง ยังไม่เปิดตัวโปรเจ็คต์ออกมา รอดูทิศทางตลาดให้เกิดความมั่นใจในระดับที่เปิดตัวแล้วสามารถขายได้ และปิดโครงการได้ภายในเวลาไม่นานนักติดแนวรถไฟฟ้าโดยสไตล์เราค่อนข้าง conservative เพราะไม่ใช่ธุรกิจหลัก"นางสาวอมรา กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ