“ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอ ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท อันเนื่องมาจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี มีการเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งอุตสาหกรรมนี้ยังมีศักยภาพในการขยายตัวได้อีกมาก ดูจากภาพรวมภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นแผนงานรุกตลาดต่างประเทศ เพื่อเตรียมรับมือการเปิด AEC ที่จะถึงนี้และมีเป้าหมายสู่การเป็นผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย ดังนั้นคาดว่าเมื่อหุ้น BKD เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 25 กันยายนนี้จะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างแน่นอน"นายก้องเกียรติ กล่าว
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ BKD เปิดเผยว่า การที่หุ้น BKD ได้รับความสนใจเข้ามาจองซื้อจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท โดยได้เล็งเห็นถึงศักยภาพในการประกอบธุรกิจที่ผ่านมา รวมถึงการที่ BKD ดำเนินงานอยู่ในสายงานให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในอาคารมาเกือบ 30 ปี ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าจำนวนมาก
“เชื่อว่าภายหลังการระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะทำให้ BKD เป็นที่รู้จักของคนไทยมากยิ่งขึ้น ส่วนเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะใช้ไปใช้เป็นเงินหมุนเวียนในธุรกิจ เพื่อเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสามารถตอบสนองต่อการเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังขยายตัวอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อการขยายธุรกิจในอนาคต ทำให้ผลประกอบการในอนาคตเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป"นางนุชนารถ กล่าว
สำหรับเป้าหมายการดำเนินธุรกิจของ BKD ในอนาคตต้องการที่จะเป็นผู้ให้บริการด้านการรับเหมาตกแต่งภายในครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศ ด้วยกระบวนการดำเนินงานที่มีโรงงานแบบ Pre-Fabrication ซึ่งทำให้การดำเนินตกแต่ง และติดตั้งสินค้าเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถือเป็นจุดเด่นของบริษัทฯ ที่ทำให้ได้รับความไว้วางใจได้รับงานขนาดใหญ่ ขณะที่ปัจจุบัน BKD มีปริมาณงานในมือ(Backlog)อยู่ที่ประมาณ 800 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้เป็นรายได้ไปจนถึงกลางปี 57 ส่วนการประมูลงานทั้งจากภาครัฐและเอกชนนั้นมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โครงสร้างการถือหุ้นของ BKD จะเปลี่ยนแปลงไปภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO คือ กลุ่มครอบครัวรัตนสุวรรณชาติ ก่อนเสนอขายหุ้น IPO ถือหุ้น 98.81% หลังเสนอขายลดเหลือ 73.40% และอื่นๆจำนวน 2 ราย ก่อนเสนอขายหุ้น IPO ถือหุ้น 1.19% หลังเสนอขายลดเหลือ 0.89% ส่วนนักลงทุนทั่วไปจะเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 25.71%