(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาคตอบรับเฟดคง QE-พ.ร.บ.2 ล้านลบ.

ประกอบกับ วันนี้รัฐบาลจะนำร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 หากผ่านไปได้จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของไทย

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคเช้านี้ปรับตัวขึ้นไปอยู่ในแดนบวกทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายคาดว่าตลาดหุ้นบ้านเราอาจจะมีแรงเทขายทำกำไรออกมาบ้าง พร้อมให้แนวรับที่ 1,440 จุด และ แนวต้าน 1,462-1,465 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์ควานนี้(18 ก.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,676.94 จุด เพิ่มขึ้น 147.21 จุด(+0.95%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,725.52 จุด เพิ่มขึ้น 20.76 จุด(+1.22%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,783.64 จุด เพิ่มขึ้น 37.94 จุด(+1.01%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 175.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 432.44 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 61.83 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 193.11 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 19.01 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 0.10 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นไต้หวันปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์ ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ เนื่องในเทศกาลขอบคุณพระเจ้า

• ตลาดหุ้นไทยปิดวานนี้(18 ก.ย.)ที่ 1,439.13 จุด ลดลง 4.65 จุด (-0.32%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,032.67 ล้านบาท เมื่อ 18 ก.ย.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(18 ก.ย.)ที่ 108.07 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.65 ดอลลาร์ฯหรือ 2.51%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(18 ก.ย.)ที่ 3.25 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 31.05 แนวโน้มแข็งค่าต่อ หลังเฟดไม่ลด QE
• ธปท.เตือนตลาดเงินผันผวนจากเฟดเริ่มปรับนโยบายแนะทางป้องกันต้องดูแลตัวเองระบุกู้เงินนอกมากต้องระวังเตรียมป้องกันความเสี่ยงขณะตลาดหุ้น-เงิน-ทองปรับรับข่าวเฟดราคาทองในประเทศร่วงหลุด 2 หมื่น
• ส.อ.ท.เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ส.ค. อยู่ที่ระดับ 91.3 ลดลงต่ำสุดในรอบ 22 เดือน ระบุ คำสั่งซื้อยอดขายการผลิตลด ต้นทุนเพิ่ม"ประสาร"แจงเศรษฐกิจไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย"ซีไอเอ็มบี"ปรับลดจีดีพีไทยเหลือ 2.8% ปีนี้ พร้อมประเมินเศรษฐกิจขยายตัวต่ำไปอีกปีหลังปัญหาหนี้ครัวเรือนกดดันการบริโภคและการลงทุน
• "ยิ่งลักษณ์" หารือสมาคมธนาคารย้ำความจำเป็นออกพ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านวางรากฐานประเทศ "กิตติรัตน์" มั่นใจผ่านสภา ย้ำไม่ก่อหนี้สาธารณะเกิน 50% ของจีดีพี โต้ฝ่ายค้านไม่ซ้ำรอยกู้เงิน "ไทยเข็มแข็ง" เชื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้าน ส.อ.ท.สำรวจผู้ประกอบการหนุนกฎหมายผ่านสภา ฝ่ายค้านจ่อแปรญัตติกว่า 100 คน
• สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับภาวะที่ขยายตัวได้ต่ำกว่าปกติ หรือเติบโตได้ต่ำกว่า 4% ไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี จากปัจจัยด้านหนี้ครัวเรือนที่ล่าสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ใกล้ระดับ 80% ต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพราะกำลังการบริโภคภายในประเทศลดลงและจะกระทบเป็นลูกโซ่
• สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานผลการดำเนินงานภาพรวมของสถาบันการเงินเฉพาะกิจในไตรมาสแรกว่า ภาพรวมสินเชื่อมีการขยายตัวในอัตราที่ชะลอตัวลดลง โดยมียอดสินเชื่อคงค้างทั้งระบบอยู่ที่ 4.25 ล้านล้านบาทเพิ่มจากสิ้นปีก่อนที่มียอดรวม 4.12 ล้านล้านบาท
• ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศกำหนดแผนการออกพันธบัตร ธปท.อายุไม่เกิน 15 วัน ในเดือน ก.ย.ปีนี้ เพื่อใช้ในการดูแลดูดซับสภาพคล่องและบริหารสภาพคล่องให้เหมาะสมตามนโยบายการเงิน โดยจะออกพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทยรุ่น พ.38/14/56 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาทอายุ 14 วัน ออกจำหน่าย

*หุ้นเด่นวันนี้

• STEC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 29.50 บาท ราคาหุ้นวันนี้มีโอกาสได้รับปัจจัยหนุนในเชิง Sentiment จากการที่ พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทจะเข้าสภาฯวาระ 2 วันนี้ ขณะที่เชิงพื้นฐานคาดงานในมือจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับ 8 หมื่นล้านบาท หลังรับงานโรงไฟฟ้าขนอม 4.3 พันล้านบาท ทำให้จากต้นปีมีการรับงานแล้ว 3.2 หมื่นล้านบาท จากเป้าทั้งปีคาด 3.5 หมื่นล้านบาท นี้นอกจากนั้น 2H56 มีโอกาสโตเด่นกว่าใน 1H56 จุดเด่นคือการมีอัตรากำไรสุทธิระดับ 5-6% ต่อเนื่องและสูงกว่าคู่แข่ง
• TOP(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 72 บาท คาดกำไรสุทธิใน 3Q56 ราว 3-3.5 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนใน 2Q56 จากการฟื้นตัวค่าการกลั่นและStock Gain ตามทิศทางราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น แม้จะมีมุมมองเชิงลบต่อกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีใน 2H56 จากต้นทุนการผลิตเพิ่ม แต่จะกระทบไม่มากเนื่องจากเป็นโรงกลั่นครบวงจร ประเมินกำไรสุทธิ 2H56 กลับมาแข็งแกร่งที่ 6.72 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 140% HoH
• KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 30 บาท คาดกลุ่มธนาคารจะได้ประโยชน์โดยตรงจากกระแสเงินทุนต่างชาติที่ไหลกลับเข้าสู่ตลาด Emerging Market หลังเฟดสร้าง Positive Surprise คงวงเงิน QE และยังมีปัจจัยหนุนจากการนำ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน เข้าสภาฯ 19-20 ก.ย.เพราะเป็นธนาคารที่จะได้ประโยชน์สูงสุดจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐ และราคาหุ้นมี Valuation น่าสนใจ โดยซื้อขายบน PBV 56 เพียง 1.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ 5 ธนาคารใหญ่
• TTA (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 23.60 บาท มุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจเรือเทกองที่กำลังเข้าสู่ Cycle ขาขึ้นในปี 57 เริ่มเห็นสัญญาณชัดขึ้นจากการไต่ระดับขึ้นของ BDI วานนี้เพิ่มขึ้นอีก 82 จุด เป็น 1,822 จุด ขึ้นมา 4 วันติดต่อกัน จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน และส่งผลให้เกิดการเร่งสะสมสต็อกสินค้าอีกครั้ง และเชื่อว่าผลประกอบการผ่านพ้นจุดต่ำสุดแล้ว เชื่อ4Q55/56 (ก.ค.-ก.ย.) พลิกกลับเป็นกำไรจากการดำเนินงานปกติได้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ไตรมาส เนื่องจากแรงหนุนของธุรกิจเรือขุดเจาะของ Mermaid ที่สร้างกำไรต่อเนื่อง, ธุรกิจเรือเทกองที่มีผลขาดทุนลดลงจากการฟื้นตัวของ BDI และธุรกิจถ่านหินของ UMS จะไม่มีการตั้งสำรองด้อยค่าสต็อกถ่านหินอีก
• AP(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อ"เป้า 9 บาท เนื่องจากเป็น Laggard Play ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะชะลอตัวลงใน 2H56 ไม่ได้เป็นปัจจัยลบใหม่กับหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์แล้ว และคาดว่าอุปสงค์ที่แท้จริงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยยังมีทิศทางขยายตัวที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการแนวราบ นอกจากนี้ Secured Backlog รองรับถึง 88% ของประมาณการรายได้ปี 2556 และคาดว่ากำไรสุทธิ 3Q56-4Q56 จะดีขึ้น qoq ต่อเนื่อง และ 4Q56 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดของปี เป็น Momentum เชิงบวกกับราคาหุ้น และราคาหุ้นมี Valuation ที่ถูกมาก