โบรกฯต่างเชียร์"ซื้อ"SPALI พื้นฐานแข็งแกร่ง-ปันผลดี-กำไรโตต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 19, 2013 11:06 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เห็นพ้อง"ซื้อ"หุ้น บมจ.ศุภาลัย(SPALI) เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ความสามารถในการทำกำไรเด่น และจ่ายปันผลสม่าเสมอให้ผลตอบแทน 5-7% ต่อปี โดยคาดว่าผลประกอบการครึ่งปีหลัง(H2/56)จะออกมาดีกว่างวดครึ่งปีแรก(H1/56) จากการโอนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 4/56 คาดกำไรเติบโตสูงสุดของปี เนื่องจากมีการโอนคอนโดมิเนียมถึง 4 โครงการ

ขณะที่ SPALI เป็นบริษัทที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง โดยเฉลี่ย 6 ไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 41.8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 35% ทำให้สามารถรองรับต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงได้ดี

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ในช่วง 3,260-3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 2,744 ล้านบาท ปีนี้หลักๆ รับรู้จากการโอนคอนโดมิเนียม และในปีหน้ามองว่าผลประกอบการจะออกมาดีมากขึ้นอีก เนื่องจากจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม"ศุภาลัย เวลลิงตัน"ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดใหญ่

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ    ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ไทยพาณิชย์          ซื้อ           27.00
          บล.เคทีบี(ประเทศไทย)   ซื้อ           24.1
          บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)   ซื้อ           23.40
          บล.ทรีนีตี้              ซื้อ           22.00
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง     ซื้อ           22.00
          บล.ธนชาต             ซื้อ           21.00
          บล.เอเชีย พลัส         ซื้อ           20.49
          บล.กรุงศรี             ซื้อ           19.00
          บล.เคเคเทรด          ซื้อ           19.00

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า ปีนี้ SPALI ยังมีการเติบโตของกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง คาดว่ากำไรจะเติบโตสูงสุดของปีในไตรมาส 4/56 จากการโอนคอนโดมิเนียมถึง 4 โครงการ ทำให้มีรายได้เข้ามามาก

นอกจากนี้ SPALI ยังมีการจ่ายเงินปันผลในอัตราสูง ปีนี้คาดว่าจะจ่าย 0.82 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Divident Yield)ที่ 5% เมื่อคิดจากราคาหุ้นในปัจจุบันที่ 16.50 บาท/หุ้น โดยครึ่งปีแรก(H1/56)จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.30 บาท/หุ้น

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากปีที่แล้ว 55 ที่มีกำไรสุทธิ 2,744 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักในปีนี้เป็นการรับรู้การโอนคอนโดมิเนียม

ด้านนายชาญยุทธ ศรีสวัสดิ์สกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี(ประเทศไทย)ให้เหตุผลที่แนะนำ"ซื้อ"หุ้น SPALI ว่า เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีการบริหารงานที่ดีในรูปแบบ Conservative อาทิ มีการเก็บเงินดาวน์จากลูกค้าจำนวนสูง ทำให้ความเสี่ยงที่ลูกค้าจะทิ้งต่ำลง นอกจากนี้ ยังเน้นตลาดแนวราบสำหรับต่างจังหวัดด้วย ทำให้เมื่อเกิดสัญญาณไม่ดี ก็สามารถชะลอโครงการไว้ได้ ส่วนในกรุงเทพฯก็มีการทำโครงการคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ราคาหุ้น SPALI ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ที่ 24.1 บาท/หุ้น ซึ่งทำให้ยังมี upside อยู่ประมาณ 30% อีกทั้ง มองว่าผลประกอบการในครึ่งปีหลัง(H2/56)จะออกมาดีกว่างวดครึ่งปีแรก(H1/56) จากการโอนคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 56 ไว้ที่ 3,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 55 ที่มีกำไรสุทธิ 2,700 ล้านบาท โดยมาจากยอดขายแนวราบที่ดีขึ้น และการโอนคอนโดมิเนียมด้วย แต่ในปีหน้ามองว่าผลประกอบการจะออกมาดีมากขึ้นอีก เนื่องจากปีหน้าจะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียม"ศุภาลัย เวลลิงตัน"ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดใหญ่

ด้านอัตราการจ่ายเงินปันผลของ SPALI ในปีนี้ 56 คาดว่าจะจ่าย 0.85 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 5% ซึ่งถือว่าเป็นการจ่ายเงินปันผลที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี

ส่วน บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์นแนะ"ซื้อ"หุ้น SPALI ปรับมูลค่าเหมาะสมเป็น 19 บาท ยังเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ความสามารถในการทำกำไรเด่น และจ่ายปันผลสม่าเสมอให้ผลตอบแทน 6 - 7% ต่อปี โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปีนี้ไว้ที่ 3,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีกำไรสุทธิ 2,744 ล้านบาท

ขณะที่คาดหมายรายได้ยังคงเติบโตจากแผนการโอนใน 2H56 และ ปี 2557 ที่มีงานในมือรองรับ ซึ่งจะมีกำไรสุทธิเติบโตในปี 56 เพิ่มขึ้น 19% YoY และต่อเนื่องปี 57 เติบโตอีก 15% YoY ขณะที่ SPALI เป็นบริษัทที่มีอัตรากาไรขั้นต้นสูงสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ดูแล 7 บริษัท อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 6 ไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 41.8% ขณะที่ค่าเฉลี่ยของกลุ่มอยู่ที่ 35% ทำให้สามารถรองรับต้นทุนที่อาจเกิดขึ้นจากราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงได้ดี

แม้ว่า 1H56 SPALI จะมีกำไรสุทธิ 774 ล้านบาทคิดสัดส่วนเพียง 24% ของประมาณการ แต่จากมูลค่างานในมือที่สูงถึง 3.7 หมื่นล้านบาท และคาดว่าจะมีการโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ใน 2H56 ราว 8.4 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากโครงการคอนโดมีเนียม 3 แห่ง คือ Supalai Park ราชพฤกษ์-เพชรเกษม City Resort รัชดา และ Supalai Premier ราชเทวี มูลค่ารวม 4.6 พันล้านบาท คิดเป็น 80% ของประมาณการรายได้ใน 2H56 ขณะที่ในปี 57 ยังมีงานในมือรอรับรู้รายได้ราว 1.3 หมื่นล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ