อนึ่ง CAF เป็นกองทุนเอกชนของประเทศจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกจีน ปัจจุบันมีการลงทุนในหลายประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย โดย CAF มุ่นมั่นหาโอกาสลงทุนใน 10 ประเทศอาเซียน โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภค พลังงาน และทรัพยากรธรรมชาติ การเข้ามาลงทุนในธุรกิจพลังงานของ NPS นับเป็นการลงทุนครั้งที่ 8 ของกองทุนฯ และเป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เข้ามาลงทุนในไทย
“นอกจาก CAF จะเข้ามาสนับสุนน NPS ทางด้านการเงินสำหรับโครงการต่างๆ แล้ว การร่วมมือกับ CAF ในครั้งนี้ยังสามารถช่วยให้ธุรกิจพลังงานของประเทศไทยได้รับองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งเรามีความเชื่อมั่นว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะทำให้โครงการด้านพลังงานในประเทศไทยมีศักยภาพและมีความพร้อมในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนมากยิ่งขึ้น เพราะ CAF เป็นกองทุนระดับสากลที่ลงทุนด้านพลังงานและสาธารณูปโภคโดยเฉพาะ" นายอภิชัย กล่าว
ปัจจุบัน NPS มีโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการผลิตไฟฟ้าอยู่ทั้งหมด 8 โรง และกำลังก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งใหม่เพิ่มอีก 2 โรง เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 700 เมกะวัตต์ภายในปี 57 ขณะนี้โรงไฟฟ้า 2 แห่งใหม่นี้คืบหน้าตามแผนงาน ส่วนโครงการสร้างโรงไฟฟ้า IPP ขนาด 600 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) ซึ่งหากผ่านการอนุมัติแล้ว ก็จะทำการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และดำเนินการก่อสร้างต่อไป
NPS ยังเริ่มพัฒนาเชื้อเพลิงแบบยั่งยืนเพื่อเป็น “พลังงานปลูกได้" โดยวิจัยและพัฒนา“ต้นพลังงาน"เป็นพืชพลังงานตัวใหม่ที่พัฒนาจากพันธุ์ไม้โตเร็วและให้ค่าความร้อนสูง สามารถปลูกและนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าได้โดยตรง ใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 2 ปีก็จะสามารถตัดมาใช้เป็นเชื้อเพลิงได้อย่างยั่งยืน ทั้งนี้โครงการ “พลังงานปลูกได้"ยังสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรในอีกด้วย
นอกจากโครงการ “พลังงานปลูกได้" แล้ว NPS ยังได้ทำการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์หญ้าเนเปียร์ ให้เหมาะกับการเป็นพืชพลังงานใหม่อีกชนิดหนึ่ง โดยเริ่มทำฟาร์มปลูกหญ้าเนเปียร์ไปแล้ว 2,000 ไร่ และมีเป้าหมายจะปลูกให้ครบ 20,000 ไร่ เพื่อเริ่มนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าภายในปี 56