สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB236A (รุ่นอายุ 5.8 ปี, 3.8 ปี และ 9.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 22,078 ล้านบาท หรือคิดเป็น 64% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT13OA) มูลค่า 406.0 ล้านบาท
2. หุ้นกู้บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) (CPF185A) มูลค่า 219.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC239A) มูลค่า 120.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 746.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 68.8% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,110 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,568 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 19,316 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.6% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.13%
Yield Curve ปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุตราสาร โดยเฉพาะตราสารรุ่นอายุ 10 ปี ปรับลดลงถึง 22 bps. หลังจากที่ FOMC มีมติในการคงขนาด QE ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทำให้คาดว่าจะยังคงมีกระแสเงินทุนไหลเข้าในตลาดเกิดใหม่ ประกอบกับในช่วงเดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติมีแรงขายสุทธิในตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้วันนี้มีแรงซื้อกลับเข้ามาเพื่อปรับพอร์ตการลงทุน โดยมียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 19,316 ล้านบาท