สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB145B และ LB176A (รุ่นอายุ 5.8 ปี, 0.7 ปี และ 3.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 22,930 ล้านบาท หรือคิดเป็น 63% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT13DA) มูลค่า 262.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC20OA) มูลค่า 232.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH144A) มูลค่า 201.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 697.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 10,356 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,645 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 37,137 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.58% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.02%
Yield Curve ปรับตัวลดลงในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-6 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ ที่ยังมีโมเมนตัมต่อเนื่องจากการที่ FOMC มีมติในการคงขนาด QE ที่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ทำให้คาดว่าจะยังคงมี Fund Flow ไหลกลับเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดเกิดใหม่ สำหรับนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิทั้งในพันธบัตรระยะสั้นและระยะยาว (NET BUY) เท่ากับ 37,137 ล้านบาท