“ช่วงที่เราเปิดขายกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 14 เป็นช่วงที่หุ้นไทยได้มีการปรับฐานลงมาค่อนข้างแรง เป็นผลจากความกังวลต่อการปรับเปลี่ยนนโยบาย QE ของสหรัฐฯ รวมถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจของไทย ซึ่งทิสโก้ มองว่าการปรับฐานของตลาดหุ้นไทยดังกล่าวเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วสำหรับปีนี้ และจะมีแนวโน้มเติบโตได้ดีในช่วงที่เหลือ อีกทั้งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นการย่อตัวของราคาหุ้นในช่วงดังกล่าวจึงน่าจะเป็นเพียงระยะสั้นเท่านั้น เราจึงเสนอขายกองทุนดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหน่วย ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คาดไว้ และสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ 8% หลังจากเปิดขายกองทุนเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น"
โดยผลงานบริหารกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 14 เป็นอีกผลงานที่โดดเด่น และนับเป็นกองทุนที่ 3 ของบลจ.ทิสโก้ ในการบริหารกองทุนเข้าเป้าหมายก่อนครบกำหนดโครงการภายในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดย 2 กองทุนที่สามารถปิดโครงการไปก่อนหน้า ได้แก่ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 10 โดยใช้ระยะเวลาบริหารกองทุนเพียง 5 เดือนกว่ และ กองทุนเปิด ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 12 ซึ่งใช้เวลาเพียง 2 สัปดาห์ จ่ายผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนกองทุนละ 8% ซึ่งสะท้อนความเป็นมืออาชีพในการบริหารกองทุนของทิสโก้ ทั้งในการด้านจับจังหวะเข้าลงทุน และการเลือกหุ้นไทยพื้นฐานดีเพื่อเข้าลงทุน" นายสาห์รัช กล่าว
นายสาห์รัช กล่าวว่า ในปีนี้ บลจ.ทิสโก้ ยังคงเดินหน้าตอบโจทย์การลงทุน เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มผลตอบแทนให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านกองทุนรวมที่มีหลากหลายนโยบายการลงทุน ทั้งหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ตราสารหนี้ รวมถึงสินทรัพย์อื่น ๆ ที่น่าสนใจ ในช่วงหวะเวลาที่เหมาะสม พร้อมเดินหน้าให้บริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน จัดพอร์ตลงทุนให้เหมาะกับลูกค้าแต่ละราย เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำในธุรกิจกองทุนรวมอย่างต่อเนื่อง