ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะได้ รับงานโครงการวางท่อก๊าซธรรมชาติของ บมจ. ปตท. (PTT) จาก สระบุรี-นครราชสีมา ที่บริษัทฯ เข้าร่วมประมูลงานกับ Sinopec International Petroleum พันธมิตรจากประเทศจีน มูลค่าโครงการราว 8 พันล้านบาท โดยบริษัทฯ คาดว่ามีโอกาสได้งานนี้สูง
ในขณะเดียวกัน บริษัทฯอยู่ระหว่างการ เตรียมยื่นประมูลใหม่ในเดือนต.ค.56 เป็นงานก่อสร้างโรงงานผลิตไบโอดีเซลเฟส 2 ของบริษัทในเครือบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) มูลค่า 4-5 พันล้านบาทคาดรู้ผลเดือน ธ.ค.
ส่วนโครงการผลิตเอทานอล ที่เป็นโครงการร่วมทุน ระหว่างTOP และ BCP ที่จังหวัดหวัดอุบลราชธานี เป็นโครงการส่วนต่อขยายเฟส 2 มูลค่าโครงการ1-2 พันล้านบาท คาดรู้ผลปีหน้า
สำหรับงานโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน มูลค่า 2 ล้านล้านบาท บริษัทฯ มีแผนจะเข้าประมูลงานส่วนของระบบราง โดยงานระบบรางที่จะออกมามีมูลค่าสูงถึง 8 แสนล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้รับงานราว 1 หมื่นล้านบาท ของ 8 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทฯ จะเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าที่จะออกมาถึง11 สาย และคาดว่ามีโอกาสได้รับงาน 1 สาย
นายภาษิต กล่าวว่า รายได้ในปี 57 จะทำได้ไม่น้อยกว่าปี 55 ที่บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 4.3 พันล้านบาท หลังรายได้ในปีนี้ของบริษัทฯ พลาดเป้าไว้ โดยบริษัทฯ ได้มีการปรับลดเป้าหมายรายได้ปีนี้ลงเหลือ 3-3.5 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ ที่ 4.5 พันล้านบาท เนื่องจากการทำงานบางโครงการมีความล่าช้า และมีงานประมูลบางโครงการถูกเลื่อนออกไป ทำให้การรับรู้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้ รวมถึงงานโครงการที่โอมานมีผลขาดทุน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่างานที่ถูกเลื่อนออกไป จะเป็น Backlog ในปี 57 ที่จะมาสนับสนุนรายได้ให้บริษัทฯ ทำให้เชื่อว่าปี57 จะเป็นปีทองของบริษัทฯ โดย ปัจจุบัน บริษัทฯ มี Backlog นี้อยู่ที่ 3,200 ล้านบาท ทยอยรับรู้ไปราว1 ปีครึ่ง
"ปีหน้าจะเป็นปีทองของเรา เพราะดูจากงานที่จะเปิดประมูลและเราก็จะเข้าประมูลค่อนข้างเยอะส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานส่วนต่อขยายจากเฟส 1 ที่เราส่งมอบให้ลูกค้าแล้ว เราจึงมีความมั่นใจว่า ส่วนต่อขยายนี้เราน่าจะได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปสร้างต่อ " นายภาษิต กล่าว
ขณะที่คาดว่า อัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 12-15% จากปีก่อนอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 13-14% โดยบริษัทฯ จะเลือกรับงานที่มาร์จิ้นดี เช่น ถ้าเป็นงานวางท่อก๊าซจะต้องมีมาร์จิ้น 15%