โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น(TICON)คาดกำไรปี 56 โดดเด่นหลังขายสินทรัพย์เข้ากองทุน REIT 6,000 ล้านบาทในไตรมาส 4/56 จะผลักดันให้กำไรทั้งปีเติบโตสูงถึง 72% ประกอบกับ แนวโน้มพื้นที่ให้เช่าโรงงานและคลังสินค้าในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก
นอกจากนั้น ยังเป็นหุ้นปันผลสูง Div.Yield ประมาณ 8% และยังมีธุรกิจใหม่ คือ solar roof ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาความร่วมมือกับพันธมิตรหลายรายคาดจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 3-4/56
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาพื้นฐาน (บาท) บล.โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 26 บล.ไอร่า ซื้อ 35.50 บล.กรุงศรี ซื้อ 21 บล.ทิสโก้ ซื้อ 28.00 บล.ธนชาต ซื้อ 30.00 บล.ทรีนิตี้ REVISED Median Consensus 23.69 นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน มองว่า กำไรของ TICON ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอย่างโดดเด่นกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากจะมีการขายสินทรัพย์มูลค่าราว 6,000 ล้านบาทเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์หรือกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT)ในไตรมาส 4/56 เป็นปัจจัยหนุนผลประกอบการปีนี้ และในเชิงพื้นฐานปีหน้า(57) จะมีการขายคลังสินค้าและพื้นที่เช่าโรงงานเข้ากองทุนฯ อีกมากกว่า 6,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจโซลาร์รูฟที่บริษัทศึกษาอยู่ เพราะมีพื้นที่หลังคาโรงงานให้เช่าจำนวนมากที่สามารถติดตั้งแผงผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้ ซึ่งมีโอกาสที่จะร่วมมือกับผู้ประกอบด้านโซล่าร์เซลล์รายอื่น นอกจากนั้น TICON ยังมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล(Div.Yield) ค่อนข้างสูงเฉลี่ย 8% ต่อปี ถือเป็นหุ้นพื้นฐานดีปันผลสูง จึงแนะ"ซื้อลงทุน" ด้าน น.ส.จิตรลดา เลขาพันธ์ นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า มีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า ไตรมาส 4/56 กำไรของ TICON จะโดดเด่นกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ราว 6,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมความต้องการเช่าพื้นที่โรงงานและคลังสินค้ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และปีหน้า(57)น่าจะขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯอีกเพราะเป็นแนวทางการระดมทุนหลักของบริษัท ในปี 56 ประมาณการกำไรของ TICON ระดับ 2,200 ล้านบาท เติบโต 72% จากปีก่อน ส่วนการขยายธุรกิจไปสู่โซลาร์รูฟ คาดว่าจะมีพื้นที่ทั้งหมดที่สามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 1 ล้านตารางเมตร น่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาส 3-4/56 ว่าจะดำเนินการติดตั้งได้ทั้งหมดหรือไม่ ขณะที่ นายชาตรี ศรีสมัยเจริญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี ระบุว่า TICON เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีอัตราเติบโตของพอร์ตคลังสินค้าและโรงงานสำเร็จรูปค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะคลังสินค้าที่กระจายตัวไปทั้งในทำเลใหม่ และทำเลเดิมที่ทำอยู่แล้วลูกค้าเข้ามาขอเช่าพื้นที่ต่อเนื่อง ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปีนี้อาจไม่โดดเด่นนัก แต่คาดหวังการเติบโตอย่างชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/56 จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นในช่วงเวลาที่เหลือของปี "ไตรมาส 4 น่าจะเป็นผลประกอบการสูงสุดของปีและการขายครั้งนี้จะเข้ามาช่วยเรื่องอัตราการก่อหนี้ที่ปัจจุบันขยับขึ้นสูงและเงินที่ได้ตรงนี้จะไปช่วยขยายพอร์ตในลำดับต่อไปในปีหน้าและปีถัดไป"นายชาตรี กล่าว TICON ยังมีประเด็นเรื่องการลงทุนในโครงการท่าเรือและนิคมอุตสาหกรรมทวายของพม่า แต่ยังต้องรอแผนงานของบมจ.สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA)แล้วเสร็จก่อน เพราะโครงการร่วมทุนระหว่าง ROJNA กับ ITD ยังไม่ลงตัว แต่เชื่อว่า TICON น่าจะเข้าร่วมในเฟสถัดไป ส่วนโซลาร์รูฟจะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นแต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนตกลงเงื่อนไขการเจรจากับพาร์ทเนอร์ว่าจะเป็นรายใด ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของเรา บทวิเคราะห์ของ บล.ทรีนิตี้ ระบุว่า TICON ยังคงตั้งเป้าที่จะขายโรงงานและคลังสินค้าเข้ากองทุนอสังหาริมทรัพย์ และ/หรือ REIT ในช่วงไตรมาส 4/56 มูลค่าประมาณ 6 พันล้านบาท และปีนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนราว 1.2 หมื่นล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินและรองรับการขยายคลังสินค้าและโรงงาน โดยเล็งจุดยุทธศาสตร์ในเขตภาคตะวันออกเช่น บางนา-ตลาด แหลมฉบัง ซึ่งเป็น Logistic ที่สำคัญ เงินลงุทนดังกล่าวนั้นจะมาจากการขายโรงงานและคลังสินค้าเข้ากองทุน (6 พันล้านบาท) ขายเงินลงทุนบางส่วน (1 พันล้านบาท) และออกหุ้นกู้ (5 พันล้านบาท) อยู่ระหว่างการปรับประมาณการ Median Consensus อยู่ที่ 23.69 บาท