สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB21DA และ LB236A (รุ่นอายุ 5.8 ปี, 8.3 ปี และ 9.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 16,022 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT13OA) มูลค่า 568.5 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (QH144A) มูลค่า 201.8 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG13DA) มูลค่า 80.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 851.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 69.3% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,305 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 1,260 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 8,823 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.61% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.03%
Yield Curve ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-5 bps. จากแรงขายของนักลงทุนบางส่วน ที่กลับมากังวลเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินมาตรการ QE ของสหรัฐฯ หลังจาก ประธาน Fed สาขาเซนต์หลุยส์ ออกมาให้ความเห็นว่า อาจจะมีการลดขนาด QE ลงในการประชุมเดือน ต.ค. สำหรับนักลงทุนต่างชาติยังคงมีแรงซื้อในทุกช่วงอายุตราสาร ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 8,823 ล้านบาท