สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB236A, LB21DA และ LB196A (รุ่นอายุ 9.8 ปี, 8.3 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 17,932 ล้านบาท หรือคิดเป็น 66% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท โตโยต้า ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (TLT149A) มูลค่า 169.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL163A) มูลค่า 89.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด (RG143A) มูลค่า 84.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 343.0 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 24,104 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 7,031 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 976 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.08%
Yield Curve ปรับลดลงเกือบทุกช่วงอายุตราสาร โดยเฉพาะตราสารหนี้รุ่นอายุ 10 ปี ปรับลดลงถึง 19 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากปริมาณ Supply ของพันธบัตรรัฐบาลที่จะออกประมูลในช่วงนี้มีค่อนข้างน้อย ประกอบกับยังไม่มีการประกาศตารางประมูลของไตรมาสหน้า สำหรับนักลงทุนต่างชาติมีแรงซื้อเข้ามามากในพันธบัตรระยะยาวช่วงอายุ 7-10 ปี ยอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 976 ล้านบาท