UAC เตรียมปรับโครงสร้างรูปแบบโฮลดิ้ง-ดัน"ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่"เข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 26, 2013 11:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์(UAC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างปรับโครงสร้างบริษัทให้เป็นรูปแบบของบริษัทโฮลดิ้ง หลังจากที่มีการขยายธุรกิจไปในหลายสาขา โดยเฉพาะธุรกิจพลังงานทดแทน ผลิตไฟฟ้า และธุรกิจน้ำ

สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนและไฟฟ้าจะอยู่ภายใต้การลงทุนของ บริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อย ซึ่งขณะนี้บริษัทมีการลงทุนในโรงแยกก๊าซ โรงงานไบโอแก๊ส โรงไฟฟ้า ธุรกิจรับเหมาออกแบบและก่อสร้างโรงงานก๊าซชีวภาพ โดยในอนาคตจะนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนมาใช้ในการขยายกิจการ

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานทดแทนให้เป็น 65-70% ภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐที่ให้การส่งเสริมในด้านพลังงานทดแทน ซึ่งขณะนี้บริษัทมีเป้าหมายจะสร้างไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเป็น 20 โรงภายในปี 58 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2.4 พันล้านบาท โดยเบื้องต้นมาจากเงินเพิ่มทุน 200 ล้านบาท และการแปลงสภาพวอร์แรนต์ของบริษัทในอีก 2 ปีข้างหน้าราว 600 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะมาจากการกู้เงินจากธนาคาร

ส่วนการลงทุนในธุรกิจน้ำจะอยู่ภายใต้ ยูเอซี ยูทิลิตี้ จำกัด(UACUT) ซึ่งขณะนี้มีความร่วมมือกับ บมจ.ไฮโดรเทค(HYDRO) เพื่อรับงานโครงการผลิตน้ำเพื่อใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชน และโครงการบำบัดน้ำเสีย ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งที่เคยเป็นธุรกิจหลักเดิมก็จะยังเดินหน้าต่อไปตามปกติ

นายกิตติ กล่าวอีกว่า บริษัทจะพิจารณาปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้ในปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันทำรายได้เติบโตมาใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีที่ 20-30% และจะตั้งเป้ารายได้ในปี 57 เติบโตเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากบริษัทมีรายได้เพิ่มเข้ามามากขึ้นจากการเน้นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสุทธิสูง และยังเพิ่มสัดส่วนการผลิตสินค้าบางชนิดด้วยการเองมากกว่าการนำเข้า ทำให้สามารถลดต้นทุนได้เป็นจำนวนมาก

"เราอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะปรับเป้ารายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันเราทำรายได้เกือบถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้แลัว ทำให้เราอาจจะมีการปรับเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ขึ้นอีก และในปี 57 เราก็คิดว่าจะมีการเติบโตของรายได้อีกมากจากโครงการต่างๆ"นายกิตติ กล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทได้ยื่นทำโครงการโซล่ารูฟขนาดประมาณ 2 เมกะวัตต์ โดยเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีพื้นที่โรงงานที่เหมาะสมในการทำโครงการดังกล่าว ซึ่งได้แก่ บมจ.บางกอกเดคคอน(BKD) และโรงงานในกลุ่มสตีลไพพ์ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่บริษัทประมาณปีละ 15 ล้านบาท

นายกิตติ กล่าวต่อว่า สำหรับบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรอิตาลีเพื่อรับเหมาก่อสร้างโรงงานไบโอแก๊สนั้น ขณะนี้ได้ตกลงรับงานจากลูกค้าภายนอก 3 ราย จากทั้งหมดที่ติดต่อเข้ามา 6-7 ราย ซึ่งงานดังกล่าวจะมีมูลค่าการก่อสร้าง 120-150 ล้านบาท/โรง โดยบริษัทจะแบ่งรายได้กับพันธมิตรในอัตราส่วน 50 ต่อ 50 คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 12 เดือน และจะรับรู้รายได้เข้ามาในปี 57


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ