สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB145B, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 0.7 ปี, 3.8 ปี และ 5.8 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 4,627 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC14DA) มูลค่า 99.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) (TICON169A) มูลค่า 70.4 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF147A) มูลค่า 64.2 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 234.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 38.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,606 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 12,507 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -923 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.55% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve ปรับเพิ่มขึ้นในทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-6 bps. จากแรงขายของนักลงทุนบางส่วน โดยนักลงทุนกังวลกับภาวะเศรษฐกิจของไทยที่มีแนวโน้มชะลอตัว ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ได้ปรับอัตราขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจไทยปีนี้ โดยคาดว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3.5-4% ต่อปี จากเดิมคาดเติบโต 4.5% ด้านนักลงทุนต่างชาติ วันนี้มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 923 ล้านบาท