ส่วนที่ดินทางด้าน จ.ปทุมธานี ยังมีที่ดินที่พร้อมพัฒนาเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมอีกประมาณกว่า 300 ไร่ และมีพื้นที่ด้านหน้าอีกมากที่สามารถพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยหรือย่านการค้าเชิงพาณิชย์ได้ โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมรูปแบบการพัฒนาที่ดินดังกล่าว ส่วนพื้นที่ใน จ.นครราชสีมา ก็มีการขยายเพิ่มอีกกว่า 800 ไร่แล้ว
นายนิพิฐ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้คงไม่เกิดเหตุน้ำท่วมหนักเหมือนเมื่อปี 54 โดยเฉพาะบริเวณนิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี เพราะมีระบบกำแพงป้องกันน้ำท่วมทั้ง 100% ของพื้นที่ ที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นปี สูง 5.50 เมตร และลึกลงไปใต้ดินประมาณ 9 เมตร ล้อมรอบพื้นที่นิคมทั้งหมด 20.6 กิโลเมตร
"ในปี 54 ที่เคยท่วมสูงสุด 4.70 เมตร แต่เราทำสูง 5.5 เมตร และมีการ test ระบบไปเช่าพื้นที่ด้านนอกขังน้ำบริเวณใหญ่ให้เหมือนเวลาน้ำท่วมทำทั้งหมด และเรา monitor มาเป็นเดือนแล้วตั้งแต่เริ่มมีฝนตก มีการวัดประตูน้ำกับระดับน้ำรอบๆ พื้นที่รัศมี 10 กิโลเมตร รวมทั้งรับข่าวตลอดเกี่ยวกับเรื่องน้ำทั่วประเทศ มั่นใจปีนี้ไม่ท่วม นอกจากจะมามากกว่าปี 54"นายนิพิฐ กล่าว
ส่วนนิคมอุตสาหกรรมใน จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่ทางน้ำไหลน้ำจากภูเขา ไม่ได้เกิดน้ำท่วม แต่ขระนี้ก็ได้สร้างเขื่อนกั้นทางน้ำไว้หมดแล้ว ทำให้ น้ำเปลี่ยนทิศทางการไหลไป
นายนิพิฐ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีลูกค้าที่สนใจซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าในปีนี้จะมีรายได้เติบโตก้าวกระโดดจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 10% แต่ ณ ขณะนี้รายได้สูงขึ้นไปเกือบ 200% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว ส่วนกำไรทั้งปีนี้ก็คาดสูงกว่าปีก่อนเกือบ 200% เพราะครึ่งปีแรกทำกำไรไปแล้วกว่า 400 ล้านบาทมาจากการขายที่ดินทั้งหมด สูงกว่าปีก่อนทั้งปีที่มีกำไรกว่า 200 ล้านบาท
และครึ่งปีหลังคาดกำไรน่าจะมากกว่าครึ่งแรก โดยในช่วงไตรมาส 3/56 ยังมีการขายที่ดินไปได้เรื่อยๆ แม้ว่าไม่ถึงกับดีมาก เพราะผ่านช่วง peak ที่ส่วนใหญ่ต่างชาติจะเข้ามาติดต่อซื้อที่ดินในช่วงไตรมาส 1 และไตรมาส 2 แต่ช่วงนี้แค่เข้าพูดคุยเท่านั้น
"ไตรมาส 3/56 การขายที่ดินไปได้เรื่อยๆไม่ถึงกับดีมากเพราะผ่านช่วง peak ส่วนใหญ่ของต่างชาติจะอยู่ช่วงไตรมาส 1-2 แต่ช่วงนี้แค่เข้ามาดูเฉยๆ แต่ไตรมาส 1-2 เราก็ทำได้ดีมาก แต่การขายช่วงนี้คงไปรับรู้กลางปี 57 เพราะมีหลายเหตุผล ทั้งเรื่องเสถียรภาพการเมือง ค่าเงิน ทำให้ลูกค้าชะลอ ยังไม่โอน อย่างตอนช่วงที่มีปัญหายุ่งยากเรื่องการเมืองก็ชะงักกันไปหมด"นายนิพิฐ กล่าว
อนึ่ง ปี 55 รายได้รวม 1,149 ล้านบาท กำไร 222 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งปีแรกมีรายได้ 1,068 ล้านบาท กำไร 432 ล้านบาท
นายนิพิฐ กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ที่สนใจซื้อที่ดินในนิคมฯปทุมธานีกว่า 50 ไร่ มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท อาจมีข้อสรุปในช่วงต้นปี 57 เพราะต้องใช้เวลาเจรจาพอควร โดยเป็นลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนลูกค้ารายใหญ่อีกรายเป็นธุรกิจแร่ ซึ่งตอนนี้ราคาไม่ค่อยดีจึงขอชะลอออกไปก่อน ที่เหลือเป็นรายย่อยประมาณรายละ 10-25 ไร่ ส่วนที่นครราชสีมายังมีลูกค้าเข้าต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติขนาด 120 เมกกะวัตต์ ที่ปทุมธานี โดยเริ่มปรับที่ดินและหาผู้รับเหมาได้แล้ว คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ ซึ่งตามแผนต้องเริ่มก่อสร้างภายในเดือนก.ย.นี้แต่ขณะนี้คงต้องล่าช้าออกไปประมาณ 2 เดือน เนื่องจากมีรายละเอียดเพิ่มเติมมากจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทที่มีผลกระทบต่อการลงทุน
อย่างไรก็ตาม คาดเริ่มจำหน่ายไฟได้ต้นปี 59 ตามแผนงาน โดยใช้งบลงทุนค่าก่อสร้างราว 120 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราวกว่า 5,000 ล้านบาท ผู้ถือหุ้น 3 ราย ทยอยจ่ายหลายงวดแล้วและคงจะจ่ายมากขึ้นระหว่างช่วงการก่อสร้างในระยะ 2 ปีนี้ โดย NNCL ถือหุ้น 30% PTT ถือหุ้น 30% และ RATCH ถือหุ้น 40%