รวมทั้ง ปัจจัยบวกเพิ่มเติมจากการที่กลุ่ม บมจ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น(SAMART) เข้าถือหุ้น บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น(MLINK) เกื้อหนุนธุรกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือ
และยังมองว่าปี 57 ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจ MVNO คาดว่าจะมีกำไรในปีหน้า
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.บัวหลวง ซื้อ 3.86
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ซื้อ 5.10
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 4.20
บล.เคเคเทรด ซื้อ 4.10
บล.ธนชาต ซื้อ 5.70
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยลูกค้าบุคคล บล.บัวหลวง มองว่า ผลประกอบการ SIM ในไตรมาส 3/56 จะเติบโตขึ้นทั้ง QoQ และ YoY จากประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีไว้สูงที่ 933 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.22 บาท ปี และ 57 ประมาณการกำไรสุทธิที่ 1,123 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.26 บาท
"ถ้าดูในแง่กำไร Momentum ของ SIM ยังดี ราคาปัจจุบันที่ 3.50 บาท ถือว่าถูกมาก เพียงแต่ตลาดต้องการความมั่นใจว่าเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดหรือเปล่าจึงต้องให้ดู earning ที่จะประกาศเป็นรายไตรมาส"นายชัยพร กล่าว
ส่วนการที่ SAMART เข้าไปถือ MLINK เป็นโครงการบางอย่างที่ทำต่อเนื่องกัน และน่าจะเอื้อเรื่องโปรเจ็กต์ต่างๆ ในอนาคตที่เป็นบวกต่อ SIM
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า ผลประกอบการของ SIM ในไตรมาส 3/56 น่าจะดีต่อเนื่องจากไตรมาส 2/56 แม้จะมีผลกระทบจาก low season แต่แนวโน้มสมาร์ทโฟนยังเติบโตได้ดี ส่งผลดีต่อยอดขายเครื่องโทรศัพท์มือถือ แม้การทำโปรโมชั่นจะกระทบมาร์จินบ้างแต่เป็นแค่เล็กน้อย
แต่จุดเด่นของ SIM อยู่ที่ไตรมาส 4/56 ผลประกอบการน่าจะทำจุดสูงสุดของปี จึงคาดว่าปีนี้กำไรจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งผลของฤดูกาลที่เครื่องสมาร์ทโฟนน่าจะขายดีและมีออกโมเดลใหม่ ทำให้ยอดขายและมาร์จินดี ทำประมาณการกำไรปีนี้ที่ 808 ล้านบาท เติบโต 388% YoY ขณะที่ปี 57 คาดกำไรที่ 1,098 ล้านบาท เติบโต 36% YoY
ประกอบกับธุรกิจ MVNO ปัจจุบันมีลูกค้าแล้ว 3 แสนราย ขณะที่จุดคุ้มทุนอยู่ที่ 6 แสนราย ซึ่งภายใน 1-2 สัปดาห์นี้จะมีการเซ็น MOU กับ TOT ในการทำ MVNO เฟส 2 ทำให้ SIM สามารถแข่งขันกับคู่แข่ง AIS TRUE และ DTAC ได้มากขึ้น เพราะจะเปลี่ยนรูปแบบการคิดต้นทุน มาเป็นแบบ Revenue Sharing ทำให้สามารถออกโปรโมชั่นและดึงลูกค้าได้มากขึ้น
ประกอบกับ โครงการ 3G เฟส 1 ของบมจ.ทีโอที ใกล้แล้วเสร็จ ทำให้มีประสิทธิภาพในการให้บริการมากขึ้น ธุรกิจ MVNO น่าจะสร้างกำไรในปี 57 และในระยะยาวจะเป็นตัวสร้างกำไรหลักในอนาคต ส่วนการที่กลุ่ม SAMART ซื้อหุ้น MLINK ทำให้มีอีกช่องทางหนึ่งในการขายซิมโทรศัพท์ของ SIM พ่วงไปกับเครื่อง Nokia เป็นช่องทางเพิ่มรายได้ในอนาคต
ส่วน น.ส.พรสุข อมรวดีกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองว่า SIM จะมีอัตรากำไรเติบโตเฉลี่ย 23% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า โดยมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อการที่กลุ่ม SAMART เข้าซื้อหุ้น MLINK ในสัดส่วนรวม 9% (ส่วนของ SIM 4% ที่เหลือของตระกูลวิไลลักษณ์) คาดว่าจะเข้าไปช่วยปรับการบริหารของ MLINK และเกื้อหนุนกันในธุรกิจจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือ
นอกจากนี้ SIM มีโอกาสเพิ่มรายได้ในอนาคตจากการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม SAMART ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องรับสัญญาน(Set-top-box)ทีวีดิจิตอล ซึ่ง กสทช.มีแผนจะเปิดประมูลคลื่นทีวีดิจิตอลภาคพื้นดินกลางเดือน ธ.ค.56-กลาง ม.ค.57 คาดเริ่มทดลองออกอากาศอย่างเร็วปลายไตรมาส 1/57
ขณะที่ น.ส.มินทรา รัตยาภาส รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคเคเทรด เชื่อว่า กำไรของ SIM ในไตรมาส 3/56 น่าจะทรงตัวหรือเติบโตเล็กน้อย เพราะราคาขายเฉลี่ยและจำนวนเครื่องไม่ต่างกันมาก คือโตจากฐานที่สูงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/56 อีกส่วนหนึ่งมาจากตลาดแฮนด์เซ็ตที่ค่ายโทรศัพท์มือถือต่างๆ ออกเฮาส์แบรนด์มาเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้ 3G อาจมีผลในตลาด บวกกับ sentiment ในแง่เศรษฐกิจ กำลังซื้อลดลงอาจทำให้คนชะลอเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์รุ่นใหม่
อย่างไรก็ตาม ปีนี้คาดทำกำไรสุทธิ 681 ล้านบาท สูงสุดและดีมากตั้งแต่ตั้งบริษัทมา