การประกาศอันดับเครดิตครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการที่ BBL ได้ทำการออกหุ้นกู้ดังกล่าวและฟิทช์ได้รับเอกสารฉบับสมบูรณ์ซึ่งมีข้อมูลตรงตามที่ได้รับมาก่อนหน้า อันดับเครดิตที่ประกาศเป็นอันดับเครดิตระดับเดียวกับที่ฟิทช์ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2556
อันดับเครดิตของหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อยู่ที่ระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating) ของ BBL ที่ ‘BBB+’ เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของธนาคาร
อันดับเครดิตของ BBL สะท้อนถึงคุณภาพสินทรัพย์ ความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องของธนาคารที่มั่นคง และการมีเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ในประเทศที่แข็งแกร่ง ธนาคารดำรงฐานะเงินกองทุน และค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในระดับสูง ซึ่งจะช่วยรองรับความเสี่ยงจากการกระจุกตัวของสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าธุรกิจที่อยู่ในระดับสูงได้บ้าง
สำหรับปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต การปรับเพิ่มอันดับเครดิตของ BBL อาจพิจารณาจากการปรับตัวดีขึ้นอย่างยั่งยืนของสภาวะแวดล้อมในการดำเนินธุรกิจภายในประเทศ และการปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นต่อเนื่องของฐานะทางการเงินโดยรวมของธนาคาร โดยที่ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ไม่เพิ่มขึ้น หรือมีการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับภาครัฐ
การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดจากการเพิ่มขึ้นของความเสี่ยงในด้านคุณภาพสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ที่อาจส่งผลให้ความสามารถในการทำกำไรหรือเงินกองทุนลดลง ตัวอย่างของเหตุการณ์ดังกล่าวอาจรวมถึง การเพิ่มระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้จากการเพิ่มระดับการกระจุกตัวของสินเชื่อ หรือ การเติบโตของสินเชื่อในระดับสูงเกินไป โดยที่ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงไม่ได้ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ความสามารถในการรองรับความเสี่ยงอาจสะท้อนจากผลการดำเนินงานหรือเงินกองทุนที่แข็งแกร่งขึ้น
BBL เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีส่วนแบ่งทางการตลาดของสินเชื่อที่ 18% และ 19% สำหรับเงินฝาก ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 นอกจากนี้ธนาคารยังมีเครือข่ายธุรกิจที่แข่งแกร่งในกลุ่มสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่และธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และมีสัดส่วนธุรกิจในต่างประเทศมากที่สุดในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย