ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทได้วางงบประมาณ 350 ล้านบาทสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายและกิจกรรมการตลาดร่วมกับห้างต่างๆ เช่น การแลกแสตมป์กับร้าน 7-11 การให้สิทธิ์แลกซื้อสินค้าราคาพิเศษ รวมถึงการเปิดตัวแคมเปญใหม่ CP Surprise ใบเสร็จเหินฟ้าลุ้นเที่ยวญี่ปุ่นฟรีทุกวัน โดยจะเน้นกลุ่มตลาดวัยรุ่นและคนทำงาน โดยแคมเปญ CP Suprise ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในปีหน้าบริษัทคาดว่าใช้งบการตลาดประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อทำเคมเปญนี้ปีละ 3-4 ครั้ง จากปีนี้ที่ทำเพียง 1-2 ครั้ง
"แคมเปญ CP Suprise ปีหน้าเราจะทำให้มากขึ้น 3-4 ครั้ง และแต่ละครั้งรูปแบบก็จะแตกต่างกัน ซึ่งปีนี้เป็นแค่การเริ่มต้น ที่ออกเคมเปญนี้เพราะเราเน้าเจาะกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานมากขึ้น โดย CP Suprise ที่เป็น Application ตอนี้มีผู้ลงทะเบียนแล้วกว่า 1 แสนราย ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าผู้ลงทะเบียนราว 2.5 แสนราย"นางสาวอนรรฆวี กล่าว
พร้อมได้ตั้งงบการตลาดของกลุ่มสินค้าทานเล่น"CP Easy Snack"ในปี 57 ไว้ที่ 1.1 พันล้านบาท สำหรับการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายของกลุ่มอาหารทานเล่น โดยตั้งเป้ายอดขายกลุ่มอาหารทานเล่นในปีหน้าเติบโตราว 20% จากปีนี้
ด้านมูลค่าตลาดของกลุ่มสินค้าอาหารทานเล่นในปัจจุบันมีมูลค่า 6 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 10-15% จากปีก่อน โดย CPF มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสินค้าอาหารทานเล่น ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดที่ 25% ในปัจจุบัน และบริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มสินค้าดังกล่าวเฉลี่ย 1-2% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น ไส้กรอกเจ ไส้กรอกโนริสาหร่าย เป็นต้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคหันไปรับประทานอาหารแช่แข็งมากขึ้น ทำให้บริษัทมีแผนเชิงรุกในการออกสินค้าใหม่ๆที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค และให้ทดลองชิม พร้อมมีโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นยอดการซื้อ
การแข่งขันในกลุ่มอาหารในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการแข่งขันกันสูง แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ตรา CP ซึ่งเป็นผู้นำทางด้านกลุ่มอาหารทานเล่น มุ่งเน้นขยายกลุ่มตลาดให้ใหญ่ขึ้น โดยปรับพฤติกรรมผู้บริโภคให้มีทัศนคติให้ดีขึ้นกับสินค้าในกลุ่มนี้ และเน้นคุณภาพความสะอาด ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ CP เป็นผู้นำในระยะยาว