อย่างไรก็ตาม มองแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในปี 57 จะมีความผันผวนที่น้อยลงกว่าปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลก
ส่วนเหตุการณ์เพดานหนี้สหรัฐฯมองว่าจะไม่กระทบต่อตลาดทุนไทยในช่วงนี้ แต่อย่างไรก็ตาม หากปัญหาดังกล่าวมีผลต่อมาตรการ QE ในการอัดฉีดเงินเข้าระบบก็มีโอกาสส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในช่วงที่เหลือของปีนี้ที่สหรัฐจะทบทวนมาตรการ QE อีกครั้งในช่วงเดือน ธ.ค.
เบื้องต้นเชื่อว่าบริษัทจดทะเบียนของไทยมีความแข็งเข้มและสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยแนะนำหุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ได้แก่ หุ้นในกลุ่มยานยนต์ อย่างเช่น SAT และ AH หุ้นนิคมอุตสาหกรรม ได้แก่ HEMRAJ รวมทั้งหุ้นที่ได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน สหรัฐฯและสหภาพยุโรป คือ PTTGC และกลุ่มเดินเรือ อย่างเช่น TTA และ PSL
นอกจากนี้หากมีการออกพ.ร.บ.โครงสร้งพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท และการบริหารจัดการน้ำ มูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ก็จะทำให้ภาคเอกชนกลับเข้ามาลงทุนมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีให้กับหุ้น KTB, SCC และ TASCO ส่วนการที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) หุ้นที่จะได้รับผลประโยชน์ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม (CLMV) โดยหุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากพม่า ได้แก่ TTCL และ ITD หุ้นที่จะได้รับประโยชน์จากเวียดนาม คือ BJC สำหรับลาว คือ CK และหุ้นที่ได้รับประโยชน์ทั้งหมดในกลุ่ม CLMV จะมี 2 บริษัท คือ THANI และ ASK