สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB196A, LB176A และ LB155A (รุ่นอายุ 5.7 ปี, 3.7 ปี และ 1.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,570 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH169A) มูลค่า 100.1 ล้านบาท
2. หุ้นกู้มีประกันของบริษัท บางกอก มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส จำกัด (BMUL163A) มูลค่า 89.5 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH141A) มูลค่า 60.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 250.2 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 24,774 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,011 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 5,442 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.56% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.02%
Yield Curve แกว่งตัวในกรอบแคบๆ โดยตราสารหนี้อายุ 5 ปีขึ้นไป ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ประมาณ 1-2 bps. ในทิศทางเดียวกับ US Treasury โดยวันนี้รัฐสภาสหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลง เกี่ยวกับร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉิน ส่งผลให้ หน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ บางส่วนต้องปิดทำการ ด้านนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 5,442 ล้านบาท