(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งขึ้นตามภูมิภาค-อาจมีแรงขายทำกำไร ยังรอความชัดเจนสหรัฐฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 2, 2013 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณาศิส ประเสริฐกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เคเคเทรด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแนวโน้มที่ดัชนีจะแกว่งตัวผันผวน จากที่เมื่อวานนี้มีการปรับตัวขึ้นแรง มองว่าน่าจะมีการปรับตัวขึ้นต่อ เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นในภูมิภาค และจะมีแรงขายออกมา ส่วนปัจจัยต่างประเทศในระยะต่อไปตลาดคงจะกลับมากังวลเรื่องของเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯมากขึ้น
"หลักๆวันนนี้ต้องดูแรงขายทำกำไรออกมา เมื่อมีการดีดตัวขึ้นจะมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มหลัก อย่างหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงค์ ปิโตรเคมี และสื่อสาร ออกมาบ้างหรือไม่"นายณาศิส กล่าว

พร้อมให้แนวรับ 1,395 จุด และ แนวต้าน 1,425 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(1 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 15,191.70 จุด เพิ่มขึ้น 62.03 จุด(+0.41%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,695.00 จุด เพิ่มขึ้น 13.45 จุด(+0.80%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 3,817.98 จุด เพิ่มขึ้น 46.50 จุด(+1.23%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.75 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 137.35 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 28.94 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 13.20 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 11.57 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 79.74 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.94 จุด และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.40 จุด

ส่วนตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติ

  • ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อวานนี้(1 ต.ค.)ที่ 1,408.19 จุด เพิ่มขึ้น 25.03 จุด(+1.81%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 398.93 ล้านบาท เมื่อ 1 ต.ค.56
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการวานนี้(1 ต.ค.)ที่ 102.04 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.29 ดอลลาร์ฯ
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดวานนี้(1 ต.ค.)ที่ 4.61 เหรียญฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.22/24 กลับมาอ่อนค่า ราคาทองร่วงหนุนแรงซื้อดอลล์
  • นักเศรษฐศาสตร์แนะจับตาคองเกรสถก 17 ต.ค. แรงกว่าปิดหน่วยงานรัฐบาล, "ณรงค์ชัย" ชี้สหรัฐตกหน้าผาการคลังกระทบการตลาดเงิน-ตลาดทุนระยะสั้น เตือนนักลงทุนอย่าตื่นตระหนก ขณะธปท.จับตาใกล้ชิด ห่วงเงินไหลออกรวดเร็ว ขณะที่นักวิชาการวิตกปัญหายืดเยื้อกดจีดีพีสหรัฐวูบหนัก ส่งผลกระทบทั่วโลกจับตาเพดานหนี้ป่วนตลาดรอบใหม่
  • สรรพสามิต เผยยอดคืนเงินภาษีรถคันแรก 5 แสนราย กว่า 3 หมื่นล้านบาท ระบุมี 1.3 แสนราย ไม่ยืนยันใช้สิทธิรับรถ เตรียมส่งเอสเอ็มเอสแจ้งเตือน ค่ายรถโวยสต็อกบวม ค่าดูแลรักษาพุ่ง เหตุจุดอ่อนโครงการรัฐไม่กำหนดเวลารับรถ ขณะที่ดีลเลอร์แทงสูญใบจอง
  • "ยิ่งลักษณ์"ประชุมท่องเที่ยวสร้างรายได้ 2 ล้านล้าน กระตุ้นท่องเที่ยวสั่งทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการ สร้างไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ - อาหารฮาลาล จี้ทำปฏิทินท่องเที่ยว เตรียมถกครม.ให้ 30 ธ.ค.เป็นวันหยุดยาวปีใหม่ พร้อมเร่งประสานผู้จัดภาพยนตร์ต่างประเทศถ่ายทำในไทยมากขึ้น
  • อุตสาหกรรมเปิดศูนย์ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ล่าสุดพบ 39 โรงงาน 14 วิสาหกิจชุมชนได้รับผลกระทบ เสียหายเบื้องต้นกว่า 4 ล้านบาท ขณะที่กนอ.สั่งจับตานิคมฯเสี่ยงลุ่มน้ำเจ้าพระยา - ท่าจีน 10 แห่ง พร้อมวางมาตรการช่วยระยะสั้นส่วนกรมโรงงานตั้งทีมเฉพาะกิจกระจายกำลังตรวจสอบโรงงานในเขตนิคมฯต่างๆ
  • พาณิชย์ลดเป้าเงินเฟ้อเหลือ 2.6% หลัง ก.ย.ลดต่ำสุดรอบ 47 เดือน แบงก์ชี้ใช้จ่ายไม่ฟื้น, นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อเดือน ก.ย. 2556 เท่ากับ 105.58 สูงขึ้น 1.42% เทียบกับเดือน ก.ย.2555 ถือเป็นอัตราขยายตัวต่ำสุดในรอบ 47 เดือน นับตั้งแต่เดือนต.ค. 2552 ที่เงินเฟ้อขยายตัว 0.4% และสูงขึ้น 0.16% เมื่อเทียบเดือนส.ค. 2556 ส่งผลให้เงินเฟ้อ 9 เดือนแรกปีนี้ สูงขึ้น 2.36%
  • ธปท.เผย "หนี้ครัวเรือน" ไตรมาส 2 พุ่ง 1.3 ล้านล้านบาท เติบโต 15.7% "เช่าซื้อ-บัตรเครดิต" นำโด่ง นายแบงก์รับต้องระวังมากขึ้น กรุงไทยระบุเข้าตรวจสอบเครดิตบูโรถี่ยิบ เน้นลูกค้าที่เงินเดือนผ่านแบงก์ ชี้รากหญ้า กลุ่มเสี่ยง ส่วนกสิกรไทยเชื่อทั้งปีหนี้ครัวเรือนโต 9-10% ไม่น่าห่วง ขณะที่ไทยพาณิชย์รับชะลอสินเชื่อบุคคลตั้งแต่ไตรมาส 2
  • คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) ที่มีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน มีมติเห็นชอบร่างกรอบแผนยุทธศาสตร์โครงการร่วมลงทุนระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชนและร่างกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องอีก 5 ฉบับเพื่อรองรับการลงทุนภายใต้พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ....และให้ทันกับโครงการลงทุน 2 ล้านล้านบาท

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SYMC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 19 บาท ยังไม่พบปัจจัยลบใดๆต่อผลการดำเนินงานในช่วง 2H56 คาดว่ากำไรจะฟื้นตัว 3% จากช่วง 1H56 เป็น 107 ล้านบาท แต่ลดลงเล็กน้อยจาก 2H55 เนื่องจากการลงทุนเพื่อขยายโครงข่ายเอง แทนการเช่าโครงข่ายจาก กฟผ. ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการประหยัดต้นทุนตั้งแต่ ครึ่งหลังของปี 2557 ทำให้กำไรสุทธิจะกลับมาเติบโต 18% YoY ส่วนผลประกอบการ 5 ปี คาดกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย (CAGR) 14% ต่อปี ทำให้หุ้นจะถูกลงและกลับมาซื้อขายที่ PEG ต่ำกว่า 1 เท่าในปี 2557 เป็นต้นไป
  • VGI(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 14.70 บาท ประเมินกำไรสุทธิใน 2H56 ออกมาโดดเด่นที่ 684 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% HoH และ 31% YoY โดยที่เราคาดว่า VGI จะได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจน้อยกว่าอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโดยรวม เนื่องจากสื่อโฆษณาในรถไฟฟ้า BTS และห้างโมเดิร์นเทรดเป็นสื่อที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้คาดว่าผู้ประกอบการ และเอเจนซี่โฆษณาจะยังคงเลือกใช้สื่อประเภทนี้ ประเมินกำไรสุทธิปี 2556 ที่ 1,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% YoY
  • M (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 61 บาท แนวโน้มกำไรใน 3Q13 ไม่สดใสนัก เพราะ Low season และถูกระทบจากกำลังซื้อที่ชะลอ คาดกำไร -3% Q-Q, -8% Y-Y หากเป็นไปตามคาด จะทำให้กำไรงวด 9M13 -10% Y-Y ต่ำกว่าที่เคยคาด และเชื่อว่าเป้าการขยายสาขาใหม่ 65 แห่งในปีนี้น่าจะทำได้ยากเพราะ 9 เดือนแรกเปิดสาขาเพียง 30 แห่ง จึงปรับลดกำไรปีนี้ลง 21% เป็น 1,988 ล้านบาท -3% Y-Y แต่คาดว่ากำไรปี 2014 จะกลับมาโตได้ 15% Y-Y จากการเปิดสาขาและดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังนำเงินจาก IPO ไปคืนหนี้ทั้งจำนวน และจากสภาพคล่องทางการเงินที่สูง คาดว่า M จะจ่ายปันผลถึง 70-100% ของกำไร ซึ่งคิดเป็น Yield 3-5%
  • BTS(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 12.30 บาท ราคาหุ้นมีปัจจัยบวกระยะสั้นรออยู่ใน 4Q56 ได้แก่ การประมูลเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวโซนใต้หลังพรบ.ร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน หรือ PPP คาดว่าจะเริ่มใช้ในเดือน ต.ค., ขึ้นเครื่องหมาย XW เพื่อแจก Warrant ให้กับผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 Warrant ใน 16 ต.ค., มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกเพิ่มเข้าสู่ดัชนี MSCI Thailand ที่จะประกาศในช่วงกลางเดือน พ.ย., โดยยังคงให้ BTS เป็น Top pick ในกลุ่มขนส่ง เนื่องจากเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในช่วง 3 ปีข้างหน้า สูงถึงปีละ 7% และกำไรจากจะเข้าสู่ทิศทางเติบโตตั้งแต่ปี 2559 จากการรับรู้รายได้งานเดินรถไฟฟ้าในอินโดนีเซีย และเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายใหม่ในประเทศ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ