"ถ้าออกมาจะเป็นผลดีระยะยาวและถ้ารัฐบาลดำเนินตามแผนงานอย่างนั้นจริงๆ อุตฯที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างก็จะได้รับผลไปตามๆ กัน ซึ่ง TCJ เป็นผู้รับเหมาช่วงของผู้รับเหมาก่อสร้างอยู่แล้วถ้าผู้รับเหมารายใหญ่มีงานเราก็ได้รับงานดีขึ้น ซึ่งน่าจะเห็นผลดีในปีถัดไปทั้งในแง่ของการจำหน่ายเครื่องจักรกลก่อสร้างและการให้บริการเช่ารถที่เพิ่มขึ้น โดยลูกค้าหลักเป็น ITD CK STEC PS NWR"นายทรงวุฒิ กล่าว
ส่วนการขยายงานไปต่างประเทศยังไม่เน้น เพราะเครื่องจักรที่มีอยู่ในขณะนี้เพียงพอที่จะรองรับงานในประเทศเท่านั้น โดยบริษัทมีบริษัทลูก 2 แห่ง ได้แก่ บริษัท บิ๊กเครน แอนด์อิควิปเม้นต์ เร้นทัลส์ จำกัด ที่ TCJ ถือหุ้นที่ 99.99% และบริษัท โตโย มิลเลนเนียม จำกัด ที่ TCJ ถือหุ้น 51% ยังรขยายตัวได้ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีงานรับเหมาตกแต่งสถานีรถไฟฟ้า 8 สถานีที่รอรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3-4/56 ต่อเนื่องจากไตรมาส 2/56 ซึ่งเป็นงานที่ล่าช้ามาจากกำหนดเดิมที่ต้องส่งมอบงานไปแล้ว แต่จากสถานการณ์น้ำท่วมในปี 54 ทำให้การรับรู้รายได้ล่าช้ามา 1 ปี โดยมีมูลค่างานรวมประมาณ 300 ล้านบาท รับรู้ฯตามงวดส่งมอบงาน และหากในอนาคตมีโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ๆ บริษัทก็จะเข้าไปประมูลงานในลักษณะดังกล่าวเพิ่มเติม
"บริษัทกำลังออกแบบอยู่ เค้าเปิดแล้วให้เตรียมเสนอราคา โดยเริ่มให้เราศึกษาแบบ ยังไม่ถึงเวลาเสนอราคา ซึ่งการศึกษาแบบไม่ง่ายต้องลึกซึ้ง ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จปีนี้หรือเปล่า เป็นงานตกแต่งคงรับได้บางส่วน" นายทรงวุฒิ กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,636 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทั้งรายได้และกำไรเป็นไปตามคาดการณ์ โดยทำรายได้แล้ว 709 ล้านบาท และในครึ่งปีหลังน่าจะทำได้ตามเป้า เพราะงานในมือขณะนี้เต็มกำลังของเครื่องจักรที่มีอยู่
"ปีนี้ตั้งเป้าโต 10% ครึ่งปีผ่านไปก็ได้ตามเป้า ครึ่งหลังเพิ่งผ่านได้ 3 เดือน ยังไม่ได้รับรายงานแต่ปีนี้คงโตได้ 10% เพราะกำลังการผลิตยังเท่าเดิม"นายทรงวุฒิ กล่าว
นายทรงวุฒิ กล่าวอีกว่า ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังยังมองไม่ออกว่าจะขึ้นหรือลง ขณะที่ค่าเงินบาทที่ยังผันผวน ทำให้บริษัทต้องป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งหากค่าเงินบาทเหวี่ยงไม่มากก็จะทำประกันความเสี่ยงราว 50% โดยในช่วงไตรมาส 3/56 ยังไม่มีการรับเครื่องจักรเข้ามา แต่จะทยอยเข้ามาหลังจากนี้
ส่วนกรณีที่นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการบริหาร บมจ.สามารถคอปอเรชั่น(SAMART)เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 6,000,000 หุ้นนั้น ถือเป็นนักลงทุนทั่วไปที่เป็นผู้ถือหุ้นธรรมดาเท่านั้น เพราะโครงสร้างการบริหารและการดำเนินธุรกิจยังเป็นไปเหมือนเดิม เชื่อว่านายวัฒน์ชัยจะเข้ามาเป็นผู้ลงทุนระยะยาว และมองว่าราคาหุ้น TCJ น่าจะไปมากกว่านี้