สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB196A และ LB155A (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 5.7 ปี และ 1.6 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 13,405 ล้านบาท หรือคิดเป็น 65% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB) มูลค่า 558.2 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) (LH169A) มูลค่า 294.3 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (PS13NA) มูลค่า 100.5 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 953.1 ล้านบาท หรือคิดเป็น 59.4% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 11,392 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 3,773 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,356 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.52% ปรับตัวลดลงจากเมื่อวาน -0.04%
Yield Curve ปรับลดลงเกือบทุกช่วงอายุตราสาร ประมาณ 1-9 bps. จากแรงซื้อของนักลงทุนโดยเฉพาะกองทุนรวม นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นปัญหา Government Shutdown ของสหรัฐฯ โดยประเมินว่าผลกระทบจะอยู่ในวงจำกัด และอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อไปได้ ด้านนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,356 ล้านบาท