ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 21.5% หลังจาก 9 เดือนแรกสามารถทำได้ในอัตราดังกล่าวแล้ว ประกอบกับในช่วงไตรมาส 4 ของทุกปีจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ และบริษัทยังคาดว่าในปี 57 อัตรากำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดเดิมที่เคยทำได้ในระดับ 23% เนื่องจากมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า ซึ่งจะทำให้กำลังซื้อของประชนชนกลับมาดีอีกครั้ง
ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทได้มีการปรับขึ้นราคาสินค้าไปแล้วประมาณ 3% ตามต้นทุนวัตถุดิบที่มีการปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะปรับราคาสินค้าขึ้นอีก แต่ในปี57 คงต้องติดตามทิศทางราคาวัตถุดิบต่อไป หากปรับราคาขึ้นอีกบริษัทก็อาจจะมีการพิจารณาปรับราคาสินค้าขึ้นตามไปด้วย
นางสาวกนกพรรณ กล่าวต่อว่า หลังจากที่บริษัทฯได้ทำการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่งผลให้บริษัทฯมีความน่าเชื่อถือและมีโอกาสในการลงทุนมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทสนใจที่จะเข้าไปหาบริษัทฯร่วมทุนในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) แม้ว่าขณะนี้คงยังไม่สามารระบุได้ว่าเข้าไปลงทุนในประเทศใด แต่ก็มองว่าโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในประเทศพม่ามีค่อนข้างสูง เพราะเป็นประเทศที่มีแนวโน้มการเติบโตอีกมาก
"เรามองโอกาสที่จะเข้าไปลงทุนในหลายๆประเทศโดยเฉพาะใน AEC แต่เรามองว่าประเทศพม่าเป็นประเทศแรกๆที่หน้าสนใจเนื่องจากยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก อีกทั้งยังมีเพื่อนของเราได้เข้าไปทำธุรกิจที่นั่นแล้ว ทำให้เรามองเห็นถึงโอกาสในการที่จะเข้าไปลงทุนในอนาคต"นางสาวกนกพรรณ กล่าว