ทั้งนี้ ในส่วนอาหารกล่องเจในปีนี้คาดว่าเติบโตราว 20-27% จากปีก่อนที่มียอดขาย 105 ล้านบาท
ส่วนในปี 57 คาดว่ายอดขายเติบโตต่อเนื่องอีก 15-20% ตามความนิยมของตลาดอาหารพร้อมรับประทานที่เชื่อว่าจะขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะอาหารกล่อง โดยจะเติบโตราวประมาณ 25% ขณะที่ติ่มซำ และเบเกอร์รี่ คาดว่าจะขยายตัว 15% ทั้งนี้ ซีพีแรมจะดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดเชิงรุก ด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่ และจัดกิจกรรมาทางการตลาดร่วมกับร้านค้าเพื่อกระตุ้นยอดขาย ตลอดจนขยายช่องทางจำหน่ายใหม่ พร้อมปรับสายการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
นายวิเศษ กล่าว ภาพรวมของตลาดอาหารกล่องพร้อมรับประทานในปีนี้ มีมูลค่าตลาดราว 7,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% เป็นผลจากไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยนแปลงไป ผู้บริโภคใช้ชีวิตเร่งรีบมากขึ้น และขนาดครอบครัวเล็กลง จึงหันมานิยมอาหารกล่องพร้อมรับประทาน ซึ่งสะดวกและรวดเร็ว รวมถึงร้านสะดวกซื้อขยายสาขามากขึ้น
"ภาพรวมตลาดอาหารพร้อมรับประทานวันนี้ยังเติบโตต่อเนื่องปีละ 15-20% และการเติงโตสจะกระจายไปตามเมืองใหญ่ อย่างกรุงเทพ ชลบุรี พัทยา ซึ่งอาหารกล่องฯ คาดว่าจะเติบโตมากที่สุด เราเชื่อว่ายอดขายโต 15% ได้แน่" นายวิเศษ กล่าว
ดังนั้น บริษัทจึงวางแผนงานในช่วงปี 56-60 ตั้งงบลงทุน 5,000 ล้านบาทขยายโรงงานผลิตอาหารพร้อมร้บประทาน และศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่ง โดยปีนี้ใช้เงินลงทุนแล้ว 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขยายโรงงานผลิต 400-500 ล้านบาท กำลังการผลิต 4 แสนกล่อง/วัน ทั้งแบบแช่แข็ง(Frozen)และแช่เย็น(chill) และอีก 900 ล้านบาทลงทุนสร้างโรงงานใหม่ที่ จ.ชลบุรี มีกำลังการผลิต 1 แสนกล่อง/วัน ติ่มซำ 2 แสนชิ้น/วัน เริ่มเดินเครื่องในเดือน ม.ค.57 โดยจะกระจายสินค้าไปสู่ภาคตะวันออก
นอกจากนี้มีแผนจะกระจายโรงงานผลิตไปในภูมิภาคต่าง ๆ รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าอีก 3 แห่ง ได้แก่ ขอนแก่น , สุราษฎร์ธานี และ ลำพูน จากปัจจุบันบริษัทมีศูนย์กระจายสินค้าในลักษณะการเช่า ที่เชียงใหม่ ขอนแก่น ลำปาง และ อ.ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี
ปัจจุบัน ซีพีแรม ผลิตอาหารกล่องพร้อมรับประทานจำหน่ายเข้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 85% โดยที่โรงงานลาดหลุมแก้วมีการผลิตติ่มซำ 1.8 ล้านชิ้น/วัน และอาหารกล่องพร้อมรับประทาน 4 แสนกล่อง/วัน ส่วนการผลิตเบเกอร์รี่จากโรงงานลาดกระบัง กำลังการผลิต 1.4 ล้านชิ้น/วัน
นายวิเศษ กล่าวว่า บริษัทมีแผนขยายตลาดอาหารพร้อมรับประทานเข้าตลาดอาเซียน รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) โดยขณะนี้ได้เจาะตลาดมาเลเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งอยู่ในช่วงทดลองเมนูต่างๆ คาดว่าขั้นต่อไปจะหาผู้จัดจำหน่ายในแต่ละประเทศนั้นๆ คาดว่าตลาดอาเซียนจะไปได้ดี เพราะเมนูอาหารไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันก็สนใจผลิตอาหารที่มีตราฮาลาล เพื่อเจาะเข้าประเทศมุสลิม อย่างอินโดนีเซีย เป็นต้น
ปัจจุบัน บริษัทมีการส่งออกไปที่ ยุโรป และ ญี่ปุ่น โดยมียอดส่งออกปีละประมาณ 1 พันล้านบาท และจะขยายตลาดใหม่ ๆ ได้แก่ แคนาดา แอฟริกาใต้ รัสเซีย และโอเชียเนีย เป็นต้น