สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LB21DA และ LB196A (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 8.2 ปี และ 5.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 11,924 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTTC13OB) มูลค่า 328.4 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีประกันของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)(LH169A) มูลค่า 218.2 ล้านบาท
3. หุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC174A) มูลค่า 161.3 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 707.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 30.9% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,695 ล้านบาท
2. กลุ่มสถาบันการเงินที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อค้าตราสารหนี้ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,704 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,162 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.52% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร โดยปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยประมาณ 1 bp. ล่าสุด ADB ประกาศลดคาดการณ์ GDP ของไทยปีนี้ลงเหลือ 3.8% จากเดิม 4.9% และคาดการณ์ว่าปีหน้าจะโต 4.9% จากเดิม 5% ด้านนักลงทุนยังคงจับตาประเด็นปัญหาเรื่องงบประมาณรายจ่าย และปัญหาเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ (NET SELL) เท่ากับ 1,162 ล้านบาท