และบริษัทยังมั่นใจว่ารายปีนี้จะทำได้ที่ 2.2 พันล้านบาท หรือเติบโต 20-30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.9 พันล้านบาท เนื่องจากครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1.16 พันล้านบาท เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าขยายสาขาให้เป็น 160-165 สาขา ใช้เงินลงทุนราว 6-9 ล้านบาท/สาขา ซึ่งในเดือนก.ย.56 ฮอท พอท มีสาขาแล้วทั้งหมด 144 สาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดโปรโมชั่นต่างๆเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขาย โดยคาดว่ายอดขายจะเติบโตขึ้นในช่วงไตรมาส 4/56 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอาหาร
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/56 คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นกว่าปีก่อน ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร แม้ว่าจะเป็นช่วงโลซีซั่นของธุรกิจอาหารเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน รวมถึงกำลังซื้อที่ชะลอตัวลง แต่บริษัทได้มีการจัดโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง และมีการปรับราคาขายในช่วงเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาราว 4-5% ตามต้นทุนที่สูงขึ้น จึงทำให้ผลประกอบการออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
"แม้ว่าเราจะเจอปัญหาเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าอาหาร ค่าแรง ค่าสาธารณูปโภค เราก็หาวิธีต่างๆเพื่อควบคุมต้นทุน แต่ก็ไม่สามารถควบคุมต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ทำให้เราได้มีการปรับราคาขายขึ้นในเดือนส.ค. ประมาณ 4-5% ตามการเพิ่มขึ้นของต้นทุน"นางสาวสกุณา กล่าว
ล่าสุด HOTPOT เปิดรูปโฉมใหม่“ฮอท พอท เพรสทีจ"บุฟเฟต์ระดับ 5 ดาว สำหรับผู้รักการรับประทานอาหารบุฟเฟต์ระดับพรีเมี่ยม ภายในร้านมีการรวบรวมเมนูอาหารมากกว่า 100 เมนู ทั้งนี้มีการเพิ่มเมนูพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น บาร์อาหารซีฟู้ดทั้ง ปูม้า กุ้งแม่น้ำ และปลาหมึก ที่นึ่งสุกพร้อมเสิร์ฟบนบาร์ และเพิ่มเมนูซาซิมิที่หลากหลายขึ้น โดยย้ายตำแหน่งร้าน ที่เซ็นทรัลพลาซา บางนา ไปเปิดบริการที่ชั้น 6 พร้อมปรับรูปโฉมร้านใหม่ และเตรียมเปิดเพิ่มอีกช่วงสิ้นปีที่เซ็นทรัลเฟสติวัล เชียงใหม่ ย้ำภาพการเติบโตในทุกแบรนด์ของร้านอาหารในเครือ 6 แบรนด์ คาดทั้งปีเพิ่มสาขาได้ประมาณ 25 สาขา
นอกจากนั้น ยังเตรียมเปิดตัวน้ำจิ้มสุกี้ฮอทพอทบรรจุขวด โดยจะวางจำหน่ายทั้งภายในร้าน ฮอท พอท และตามซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ จากก่อนหน้านี้มีน้ำจิ้มของไดโดมอนออกมาจำหน่ายแล้ว ถึง 4 รสชาติ ทั้งเทอริยากิ บาร์บีคิว บาร์บีคิวโกล์ด และน้ำราดปลาซาบะ ซึ่งหากน้ำจิ้มสุกี้ฮอท พอทได้การตอบรับที่ดี คาดว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาน้ำจิ้มสูตรใหม่ๆ เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มเติมต่อไป