สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB21DA, LB176A และ LB196A (รุ่นอายุ 8.2 ปี, 3.7 ปี และ 5.7 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 5,598 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) ครั้ง 1/2549 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2556 (TOP13OA) มูลค่า 102.7 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของบริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด (MPSC13DB) มูลค่า 85.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (MINT178A) มูลค่า 60.8 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 249.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 37.5% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 9,753 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 14,934 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,001 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01%
Yield Curve ค่อนข้างนิ่งในทุกช่วงอายุตราสาร โดยวันนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติว่า ร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2557 ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลให้การออกพันธบัตรรัฐบาลเป็นไปได้ตามแผนของกระทรวงการคลัง หลังจากที่ไม่สามารถกำหนดตารางการประมูลพันธบัตรในเดือน ต.ค.นี้ได้ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงกังวลปัญหางบประมาณรายจ่าย และเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อ Global Sentiment ในเชิงลบ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ (NET BUY) เท่ากับ 2,001 ล้านบาท