ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท MC อนุมัติให้บริษัทลุค บาลานซ์ จำกัด ซึ่ง MC ถือหุ้น 100% เข้าลงทุนในบริษัท ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ด้วยมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 51% โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกา ซึ่งการลงทุนในครั้งนี้จะก่อให้เกิดการต่อยอดธุรกิจ ทั้งทางด้านทีมงานและการเงินที่แข็งแกร่งของ MC ที่จะช่วยในการวางแผนต่อรองและบริหารเครือข่ายการจัดจำหน่าย บริหารคลังสินค้า และการกระจายสินค้า รวมถึงการขยายธุรกิจของไทม์
ทั้งนี้ MC จะนำสินค้าของ ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น เข้ามาวางขายในร้านค้าปลีกของบริษัทซึ่งมีอยู่กว่า 150 แห่งทั่วประเทศ จะทำให้รายได้ของทั้ง 2 บริษัทปรับเพิ่มสูงขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น ทำรายได้ในปี 55 ราว 500 ล้านบาท และในปี 56 คาดว่าจะมีการเติบโตของรายได้ประมาณ 10% และมีอัตรากำไรสุทธิในระดับ 7% ซึ่งหลังจาก MC เข้าถือหุ้นก็มีโอกาสที่อัตรากำไรสุทธิจะเติบโตเป็น 10%
"เราน่าจะใช้เวลาไม่มากในการเข้าไปปรับปรุงกิจการของบริษัทไทม์ เดคโค คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้มีความเข็มแข็งมากขึ้น โดยจะมาร่วมกับทาง MC ที่จะขยายตลาดไปยังภูมิภาค ซึ่งเรามองว่ามีศักยภาพในการซื้อนาฬิกาค่อนข้างมาก เราคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี ที่จะเห็นการเติบโตที่ชัดเจน และจะสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทให้มากขึ้น"นางสาวสุณี กล่าว
นางสาวสุณี กล่าวว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตราวกว่า 10% ซึ่งต่ำกว่าเป้าเดิมที่ตั้งไว้ในระดับ 20% จากผลกระทบกำลังซื้อลดลง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และลักษณะของไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าจะยังรักษาระดับการเติบโตของกำไรไม่ต่ำกว่า 20% ตามเป้าหมาย
และในช่วงไตรมาส 4/56 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 1 พันล้านบาท จากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามียอดขายรวมเพียง 1.8 พันล้านบาท เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับ มีการขยายจุดขายของบริษัทเพิ่มขึ้นทั้งในรูปแบบของจุดขายและรถโมบาย
"ในช่วงไตรมาส 4/56 เราคาดว่าจะมียอดขายเข้ามา 1 พันล้านบาท ถึงแม้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาจะทำได้เพียง 1.8 พันล้านบาท จากที่เรามองว่าในช่วงไตรมาส 4/56 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นและได้ขยายจุดขายได้ตามเป้าหมาย 80 แห่งในปีนี้ ถึงแม้ว่ารายได้อาจจะไม่เป็นไปตามเป้า แต่เรายังสามารถทำกำไรให้เติบโตมากกว่า 20% จากการเพิ่มยอดขายในจุดขายต่างๆ ซึ่งมีกำไรมากกว่าการขยายสาขา และเรายังมีการสั่งทำรถโมบายเคลื่อนที่เพิ่มอีก 4 คัน เนื่องจากมองเห็นถึงโอกาสในการขายในอนาคต ซึ่งเดือนก.ย.ที่ผ่านมา รถโมบายสามารถสร้างยอดขายได้กว่า 1 ล้านบาท"นางสาวสุณี กล่าว
ในปีนี้บริษัทยังคงเป้าการขยายจุดขายเป็น 80 แห่ง และปี 57 จะเพิ่มเป็นไม่ต่ำกว่า 100 แห่ง พร้อมทั้งเตรียมขยายการจำหน่ายไปยังต่างประเทศ โดยคาดว่าภายในปีนี้จะสามารถแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในมาเลเซียได้ ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการเจรจาแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในอินโดนีเซีย จากที่ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการจำหน่ายสินค้าในพม่าและลาวแล้ว
"การที่เรามองเห็นโอกาสในการขยายไปยังประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย เนื่องจากยังไม่มีแบรนด์ยีนส์ที่เข้มแข็ง ยังมองเห็นโอกาสในการเติบโต ประกอบกับในมาเลเซียและอินโดนีเซียนั้นช่วงไฮซีซั่นของเขาจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของไทย ซึ่งจะช่วยทดแทนสัดส่วนรายได้ของไทยที่มีไม่มากในช่วงโลว์ซีซั่นได้"นางสาวสุณี กล่าว
สำหรับการเดินทางไปโรดโชว์ที่ญี่ปุ่นในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี นักลงทุนมีความเข้าใจถึงบริษัทมากขึ้น ทำให้เริ่มมีผู้ถือหุ้นจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหุ้นของบริษัทบ้างแล้ว หลังจากที่ตอนขายหุ้น IPO ไม่มีผู้ถือหุ้นจากต่างชาติเลย ซึ่งในวันนี้บริษัทก็จะไปทำโรดโชว์ที่สิงค์โปร์และวันพรุ่งนี้จะไปฮ่องกง จากนั้นในเดือนพ.ย. 56 จะมีการเดินทางไปโรดโชว์ที่สหรัฐฯต่อไป