สำหรับ พันธบัตรรัฐบาล รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุดในวันนี้คือ พันธบัตรรุ่น LB176A, LBF13NA และ LB183B (รุ่นอายุ 3.7 ปี, 0.1 ปี และ 4.4 ปี ตามลำดับ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 9,099 ล้านบาท หรือคิดเป็น 74% ของมูลค่าการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด ทางด้าน หุ้นกู้เอกชน รุ่นที่นิยมซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. หุ้นกู้ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY152B) มูลค่า 80.8 ล้านบาท
2. หุ้นกู้ของ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (AYCAL187A) มูลค่า 80.7 ล้านบาท
3. หุ้นกู้ของบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC145A) มูลค่า 74.4 ล้านบาท
โดยมีมูลค่าการซื้อขายรวมกัน 235.9 ล้านบาท หรือคิดเป็น 24.7% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นกู้เอกชนทั้งหมดในวันนี้
ทางด้านประเภทของนักลงทุน ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดเป็น 2 อันดับแรกในวันนี้ คือ
1. กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 13,831 ล้านบาท
2. กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในประเทศ มียอดซื้อสุทธิ เท่ากับ 2,450 ล้านบาท
ในขณะที่นักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ เท่ากับ -1,266 ล้านบาท
ผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือน ปิดที่ 2.54% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 0.01% และผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ปิดที่ 3.53% ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากเมื่อวาน
Yield Curve ค่อนข้างนิ่ง แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ประมาณ 1 bp. โดยวันนี้สภาพัฒน์ รายงานต่อ ครม. ถึงคาดการณ์อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจปี 56 ที่ 3.8-4.3% (ซึ่งลดลงจาก ประมาณการณ์เดิม 4.2-5.2%) ในขณะที่ล่าสุด World Bank ปรับลดประมาณการณ์ GDP ไทยปีนี้จากเดิม 5% เหลือ 4% โดยนักลงทุนรอติดตามรายงานผลการประชุม Fed ที่จะเผยแพร่วันพรุ่งนี้ ว่าจะมีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับมาตรการ QE หรือไม่ สำหรับนักลงทุนต่างชาติ มียอดขายสุทธิ(NET SELL) เท่ากับ 1,266 ล้านบาท