บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรใหม่ทั้งหมด 8 เครื่อง ใช้เงินจากการเพิ่มทุน 186 ล้านบาท เครื่องจักรจะนำเข้ามาทั้งหมดภายในเดือนนี้จากนั้นจะเริ่มติดตั้ง และน่าจะเริ่มผลิตได้ตั้งแต่ต้นปี 57 เพื่อทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 1,200 ตัน/เดือน ซึ่งท่อดังกล่าวจะไปทดแทนท่อสแตนเลสแบบเรียบธรรมดา โดยท่อที่มีลวดลายสวยสามารถขายได้ในราคาที่แพงขึ้น เริ่มเปิดตัวภายปีนี้เพื่อขายให้กับลูกค้าตกแต่ง และทำรั้วบ้าน
"จะขยายตลาด AEC จากตอนนี้ขายในเวียดนามแล้ว แต่ประเทศอื่นยังไม่ได้เข้าไป ก็อยากเข้าพม่าและตลาดตะวันออกกลางที่เคยไป ตลาดสหรัฐดูเหมือนจะดี คิดว่าตลาดสหรัฐน่าจะกลับมาดีเหมือนเดิมด้วย ตลาดต่างประเทศค่อนข้างหวังสูงในปี 57 จากปี 55 ยอดขายต่างประเทศแค่ 5% ของรายได้รวม และ 6 เดือนแรกปีนี้กระเตื้องขึ้นมา 7-8% แล้ว สิ้นปีน่าจะแตะ 10% จากเราเคย peak สูงสุดในอดีตที่ 20% ก็อยากได้ 20% อย่างต่ำ แต่ตัวเลขตอนนี้ที่ฝ่ายขายทำมาสัดส่วนมากกว่า 20% ก็อยากให้ Adjust ใหม่"นายอภินันท์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายในประเทศเติบโต 15-20% จากปีก่อน หากรวมกับยอดขายต่างประเทศก็น่าจะเติบโตขึ้นมาก จากปีก่อนมีรายได้รวม 1,455 ล้านบาท เชื่อว่าครึ่งหลังของปีนี้จะทำยอดขายสูงกว่าครึ่งปีแรกที่มียอดขาย 700 ล้านบาท เพราะปกติไตรมาส 3 จะเป็นซีซั่นของการจำหน่ายท่อในอุตสาหกรรมโรงงานน้ำตาล ซึ่งปีนี้ก็ไม่ต่างจากปีก่อนๆ ส่วนไตรมาส 4/56 หากเกิดน้ำท่วมก็คงมีผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าจะไม่ท่วมหนักเหมือนปี 54
"ในประเทศคอนเฟิร์มโต 15-20% ส่วนต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นสูงเกินไป"นายอภินันท์ กล่าว
สำหรับกำไรสุทธิปีนี้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะในปี 55 บริษัทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 900 ล้านบาท แต่ปีนี้รับรู้กำไรจากปรับโครงสร้างหนี้ที่เหลืออีกราว 20 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี ทำให้มีกำไรสุทธิแล้ว 72 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังจะเป็นกำไรจากการดำเนินงานล้วนๆ ขณะที่ค่าเงินบาทหากแข็งค่าก็จะมีผลบ้างกับรายได้ส่งออก แต่หากอ่อนค่าก็จะกระทบกับนำเข้าวัตถุดิบสแตนเลสรีดร้อนรีดเย็นจากต่างประเทศได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ราคาวัตถุดิบไม่ผันผวน
"ปีนี้กำไรสุทธิจะเป็นกำไรจากการดำเนินงาน 95% และกำไรจากปรับโครงสร้างหนี้นิดเดียว ซึ่งยอดขายไตรมาส 3 จะสูงกว่าไตรมาส 2 เพราะเป็นซีซั่นท่อน้ำตาล ผลประกอบการก็น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ปี 57 ถ้าทำได้ตามที่คาดก็หวังว่ากำไรจะโตดี"นายอภภินันท์ กล่าว
ส่วนกระแสข่าวการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นายอภินันท์ กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง เพราะบริษัทยังไม่มีแผนดังล่าว ซึ่งขณะนี้ TGPRO มีบริษัทลูก 2 แห่ง คือ บริษัท ที จี โปร ไฮเกรด จำกัด และ บริษัท ที จี โปร เทรดดิ้ง จำกัด