CCP เผยน้ำท่วมกระทบยอดขายต.ค. แต่เชื่อทั้งปีรายได้-กำไรตามเป้าตามความต้องการใช้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 10, 2013 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออกหลายจังหวัด ซึ่งรวมบางพื้นที่ในจ.ชลบุรี แต่พื้นที่ๆตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทและโรงงานผลิตคอนกรีตสำเร็จรูป 4 แห่งและอีก 18 แพลนท์ปูนไม่ประสบปัญหาอุทกภัยแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้ามจะเป็นผลดีต่อการสั่งสินค้าทั้งเรื่องการป้องกันอุทกภัยและซ่อมแซมหลังเหตุการณ์น้ำท่วม แต่ในส่วนของดีลเลอร์ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมอาจจะไม่สามารถเข้าไปส่งสินค้าได้ คาดว่าจะมีผลในระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีผลทำให้ยอดขายบริษัทลดลงมาประมาณ 3-4% ในเดือนต.ค.นี้ แต่ไม่กระทบกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่ตั้งเป้าไว้

บริษัทมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท หรือเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ 2.6 พันล้าน ซึ่งครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.32 พันล้านบาท โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนจากการขยายตัวของภาคก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานภาครัฐ 50% และเอกชน 50% โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 400 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงไตรมาส 2/57

นอกจากนี้ กำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด ซึ่งคาดว่ามากกว่าปีก่อน 2 เท่า ซึ่งในปี 55 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 215.42 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรพิเศษที่จะบันทึกเข้ามาในไตรมาส 4/56 ราว 300 ล้านบาท จากการขายที่ดินที่พัทยา จ.ชลบุรี โดยในครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.95 ล้านบาท

ประกอบกับแนวโน้มยอดขายคอนกรีตในช่วงไตรมาส 4/56 ยังมีการขยายตัวที่ดี เป็นผลจากความต้องการคอนกรีต วัสดุก่อสร้างในตลาดที่เพิ่มสูงขึ้นทั้งในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด แม้ว่าปัจจุบันจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ แต่ปัจจัยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัท

“กำไรสุทธิของเราในปีนี้ก็คงโตมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 2 เท่า เพราะมีกำไรพิเศษจากการขายที่ดินที่พัทยา 300 ล้านบาท ที่จะบันทึกในไตรมาส 4/56 โดยรวมกำไรของทั้งกลุ่มในปีนี้โตประมาณ 50% ถ้าของ CCP ก็ประมาณ 98% ส่วนรายได้ในปีนี้ก็ยังมั่นใจว่าจำได้ตามเป้า 3 พันล้านบาท จากการรับรู้รายได้จาก Backlog และยอดขายที่มีการเติบโตมากขึ้น โดยเฉพาะในไตรมาส 4/56 ที่เป็นช่วงไฮซีซั่น ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างต่างๆก็รีบทำงานเสร็จให้ทันก่อนสิ้นปี ทำให้งานในไตรมาส 4/56 ชุกมาก แต่ภาวะชะลอตัวของภาคอสังหาฯ ก็ไม่กังวล และปัญหาน้ำท่วมในช่วงนี้ก็ไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของเรา แม้ว่าแนวโน้มยอดขายในเดือนต.ค.ปีนี้ อาจลดลง 3-4% จากผลกระทบน้ำท่วมบ้าน แต่คาดว่าจะสามารถปรับตัวมาดีขึ้นหลังน้ำท่วมหมด โดยเฉพาะตลาดซ่อมแซมที่จะมีการเติบโตอย่างมากหลังน้ำท่วม"นายอาทิตย์ กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในปีหน้า บริษัทมองแนวโน้มการเติบโตของรายได้เบื้องต้นที่ 10% จากปี 56 จากปัจจัยหนุนการเติบโตของภาคอสังหาริมทรัพย์ในโครงการของภาครัฐและเอกชนที่อยู่ในระหว่างการดำเนินงาน ส่งผลให้ตลาดคอนกรีตในปี 57 ยังมีการขยายตัวที่ดี

นอกจากนี้ ยังมีแผนจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยเป็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) ที่ใช้ในการก่อสร้างอาคาร ที่อยู่อาศัย ภายในช่วงต้นปี 2557 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดวัสดุก่อสร้างทดแทนแรงงาน ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากโครงการก่อสร้างต่างๆ เนื่องจากเป็นวัสดุทดแทนแรงงานที่จะเข้ามามีส่วนช่วยทั้งในเรื่องของต้นทุนและระยะเวลาในการก่อสร้าง

“ในปี 57 เราคาดว่าธุรกิจคอนกรีตยังมีการขยายตัวที่ดี จากการก่อสร้างโครงการประเภทต่างๆ ทั้งในส่วนของโครงการอสังหาทั้งภาครัฐและเอกชนที่อยู่ระหว่างการดำเนินงาน และหากโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาทของภาครัฐมีความชัดเจน จะยิ่งเป็นปัจจัยที่ช่วยให้อุตสาหกรรมก่อสร้างมีการเติบโต ซึ่งเรามีความพร้อมในการเข้ารับงานคอนกรีตทุกรูปแบบและเพิ่มกำลังการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการของโครงการต่างๆด้วยเช่นกัน"นายอาทิตย์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 10% ในปี 57 เป็นไปตามการเติบโตของรายได้ในปี 57 โดยจะมีการซื้อเครื่องจักรใหม่และสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนสำหรับการซื้อเครื่องจักรและสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ราว 100-200 ล้านบาทในปี 57 ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีโรงงานผลิตคอนกรีตในเครืออยู่ 4 แห่ง ที่จ.ชลบุรี โดยปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเกือบต็ม 100% แล้ว และมีแพล็นท์ปูนจำนวน 18 แพล็นท์

นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำบมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMC) ในเครือของ CCP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในช่วงไตรมาส 1/57 โดยได้มีการยื่นไฟล์ลิ่งกับทางคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอคำตัดสินของศาลฎีกาเกี่ยวกับสิทธิในการถือหุ้นบมจ.สมาร์ทคอนกรีตของนายเสรี จุลศักดิ์ศรีสกุล โดยคาดว่าในช่วงกลางเดือนพ.ย. 56 จะทราบคำตัดสินของศาลฎีกาของคดีดังกล่าว

“ตอนนี้คดีกับผู้ถือหุ้นเก่าได้ขึ้นไปถึงศาลชั้นสูงสุดแล้ว ที่ผ่านมาศาลชั้นต้นและศาลอุธรณ์ตัดสินให้เราชนะ และตอนนี้เขาก็ได้ยื่นไปศาลฎีกาให้พิจารณาอีกครั้ง แต่ถ้าถามว่าคดีมีโอกาสพลิกไหม ก็มองว่าคดียังมีโอกาสพลิกได้นะ แต่เราก็ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องดุลยพินิจของศาล ก็คงจะทราบคำตัดสินของศาลฎีกาในช่วงกลางเดือนพ.ย.นี้ ก่อนหน้านี้เราก็ได้ยื่นไฟลิ่งไปแล้ว แต่พอมีเรื่องนี้ขึ้น ทางก.ล.ต.เขาก็อยากให้ฟังคำตัดสินของศาลจนถึงที่สุดว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็คาดว่าบมจ.สมาร์ทคอนกรีต จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ได้ในช่วงไตรมาส 1/57"นายอาทิตย์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ