(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้อ่อนลงตามภูมิภาค กังวลปัจจัยสหรัฐยังไร้ทางออก

ตลาดบ้านเราคาดว่าจะอ่อนตัว โดยเฉพาะหุ้นที่ปรับขึ้นไปแรง ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะของ Wait&See รอดูความคืบหน้าจากสหรัฐ ดังนั้น จึงน่าจะเป็นลักษณะ Profit taking

นอกจากนี้ ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงของการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/56 ของหุ้นในกลุ่มแบงก์แล้ว แต่โดยปกติเวลางบฯแบงก์ออกมา ตลาดฯก็ไม่ค่อยเคลื่อนไหวเท่าใดนัก และเชื่อว่าช่วงนี้นักลงทุนต่างชาติก็ชะลอการลงทุนด้วย

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ โดยตลาดญี่ปุ่นปิดทำการ ส่วนตลาดจีนปรับตัวขึ้นเนื่องจากกำลังจะประกาศตัวเลข GDP

วันนี้ให้แนวรับตลาดหุ้นไทยที่ 1,440 จุด แนวต้าน 1,470-1,480 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

• ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(11 ต.ค.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 15,237.11 จุด เพิ่มขึ้น 111.04 จุด (+0.73%)ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,703.20 จุด เพิ่มขึ้น 10.64 จุด (+0.63%) ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 3,791.87 จุด เพิ่มขึ้น 31.12 จุด (+0.83% )
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 9.38 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 0.98 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 10.64 จุด

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหลัง Chung Yeung Festival และตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันกีฬาและสุขภาพ

• ตลาดหุ้นไทยปิดเมื่อล่าสุด(11 ต.ค.)ที่ 1,457.78 จุด เพิ่มขึ้น 5.87 จุด (+0.40%)
• นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,908.77 ล้านบาท เมื่อ 11 ต.ค.56
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(11 ต.ค.)ที่ 102.02 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 0.99 ดอลลาร์ฯ
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(11 ต.ค.)ที่ 3.60 เหรียญฯ/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 31.32/34 แกว่งแคบรอปัจจัยสหรัฐ
• สหรัฐยังไร้ทางออก "ปิดหน่วยงานเพดานหนี้" ลุ้นอีก 3 วันถึงเส้นตาย ด้านธนาคารโลกเตือนอันตรายส่งผลวิกฤติการเงินโลกหากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ขณะนักวิเคราะห์คาดยากหาข้อยุติก่อน 17 ต.ค.
• นักเศรษฐศาสตร์ไทย ฟันธงกนง.ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบาย 2.5% ในการประชุม 16 ต.ค.นี้ เหตุสัญญาณเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น มองเศรษฐกิจไทยพ้นจุดต่ำสุดแล้ว"อุสรา"ระบุดอกเบี้ยลดไม่อยู่ในความคิด เชื่อมีโอกาสขยับขึ้นกลางปีหน้า ด้าน ฝ่ายวิจัยฯ"ทหารไทยซีไอเอ็มบี"ชี้แม้ครั้งนี้ดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีโอกาสปรับลงได้ในครั้งหน้า เหตุเงินเฟ้อต่ำเปิดช่องปรับลดได้ส่วนปมหนี้สหรัฐเชื่อจะสามารถตกลงกันได้ในที่สุด
• นายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ กรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด กสท.วันที่ 14 ต.ค. จะพิจารณาอนุมัติราคาค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิตอล โดยจะเริ่มต้นที่ 3.9 ล้านบาท สำหรับช่องระบบปกติ (เอสดี) และเพิ่มขึ้น 3 เท่า สำหรับช่องคมชัดสูง(ไฮเดฟฟิเนชัน หรือเอชดี) หรือประมาณ 12 ล้านบาทต่อเดือน
• อสังหาฯหัวหิน ทะลัก ยอดคอนโดใหม่สะสม 2.1 หมื่นยูนิต จาก 61 โครงการบ้านจัดสรร 115 โครงการยอดรวม 5 พันยูนิตดันการพัฒนารุกสู่ชะอำ ขณะที่จุดขายหลักยังคงเป็นหัวหิน หวั่น คอนโดล้านบาท "โอเวอร์ซัพพลาย" ด้านศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ มองต่าง ระบุไม่น่าห่วงเหตุภาพรวมขายไปได้แล้วเกินครึ่ง

*หุ้นเด่นวันนี้

• MFEC(เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 11.70 บาท จุดเด่นการบริหารค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพและการลดความเสี่ยงปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่มีความชำนาญเฉพาะ อีกทั้งยังเน้นความแตกต่างจากคู่แข่งด้วยการขยายงานตามความต้องการลูกค้าเฉพาะกลุ่ม และมีโอกาสเติบโตจากงานภาครัฐและเอกชน คาดว่าการเติบโตของกำไรสุทธิปี 56-57 เฉลี่ยต่อปี 34% ทำให้จะมี ROE เพิ่มจาก 15.5% ในปีนี้เป็น 17.6% ในปี 2557 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย PE ปี 56 — 57 เพียง 11-12 เท่า
• BEC (เคเคเทรด)"ซื้อ"เป้า 73.20 บาท คาด 3Q56 เติบโตต่อเนื่องและทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี 56 ระดับราคาหุ้นกลับซื้อขายที่ P/E ratio เพียง 22 - 23 เท่า ต่ำกว่า P/E ย้อนหลังเฉลี่ย 1 ปีที่อยู่ที่ราว 27 เท่า ทำให้หุ้นยังน่าสนใจ ขณะที่ความเสี่ยงจากการแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากการเกิดทีวีดิจิทัลในปี 57 ยังไม่น่ากังวลมากนัก
• KCE (เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ทยอยสะสม"เป้า 25.60 บาท คาดกำไรปกติ 3Q56 จะเติบโตถึง +825% yoy และ +27.6% qoq เป็น 303 ล้านบาท และเป็นระดับสูงสุดใหม่ จากอัตรากำไรขั้นต้นเร่งตัวขึ้นเป็น 25.3% ใน 3Q56 จาก 24.9% ใน 2Q56 จากคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นสูงกว่า 95% คาดกำไรปกติปี 56 จะเติบโต +1,577.1% yoy เป็น 956 ล้านบาท และต่อเนื่อง +12.1% yoy เป็น 1,072 ล้านบาทในปี 57 ยืนยันมุมมองเชิงบวกในระยะยาว
• ITD (ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้า 7.30 บาท โครงการหลักคืบหน้าไปด้วยดี วันที่ 21 พ.ย.นี้จะมีการลงนามในสัญญาความร่วมมือทวายระหว่างไทย-พม่า เริ่มจากการพัฒนาอุตสาหกรรมเบื้องต้นบนพื้นที่ 2.1 หมื่นไร่ ร่วมทุนกับ ROJNA 50:50 ส่วนงานสร้างทางรถไฟและท่าเรือขนาดใหญ่ที่สาธารณรัฐโมซัมบิก 1.05-1.2 แสนล้านบาทรอเซ็นสัญญาคาดใช้เวลาสร้าง 4 ปี ส่วนโครงการจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาทคาดเซ็นสัญญาเร็วสุดปลายปีนี้ หลังจากเพิ่มทุนไปแล้วฐานะการเงินดีขึ้น